“BYD” แซง “เทสลา” ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าไตรมาสสุดท้ายปี 2023 - PPTVHD36

BYD (บีวายดี) บริษัทยานยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน รายงานว่า ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) มากเป็นประวัติการณ์ ที่ 525,409 คัน ส่วนคู่แข่งคนสำคัญอย่าง เทสลา (Tesla) ของ อีลอน มัสก์ นั้น ไตรมาสสุดท้ายมีการส่งมอบ 484,507 คัน ซึ่งทำลายสถิติเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมา เทสลายังคงแซงหน้า BYD อยู่ในแง่ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยเทสลาขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.8 ล้านคัน ส่วน BYD จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 1.57 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 73% จากปี 2022

BYD ลุ้นแซงเทสลา ชิงบัลลังก์แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้ายอดขายสูงสุดในโลก

'ไฟแนนซ์เข้ม' ฉุดตัวเลขอุตสาหกรรมยานยนต์ปี'66 ไม่ฟื้นตัวตามคาดการณ์

'รถยนต์ไฟฟ้า' แบรนด์ไหนมาแรงที่สุดบนโลกโซเชียลมีเดีย

แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมของเทสลาจะยังคงชนะ BYD อยู่ แต่ช่องว่างระหว่างทั้งสองแบรนด์ลดลงมาเหลืออยู่เพียง 230,000 คันเท่านั้น ขณะที่ปี 2022 ช่องว่างอยู่ที่ 400,000 คัน

จีนกำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าหมายว่า รถยนต์ใหม่อย่างน้อย 20% ที่ขายต่อปีในจีนภายในปี 2025 ควรเป็นรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน

รัฐบาลจีน กล่าวว่า ภายในปี 2035 รถ NEV ควรเป็นยานยนต์กระแสหลักของประเทศ

เป้าหมายดังกล่าวของรัฐบาลจีนถือว่าไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะเฉพาะในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 ในจีนมีการขายรถยนต์พลังงานใหม่ถึง 8.3 ล้านคัน คิดเป็นมากกว่า 30% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการอุดหนุนต่าง ๆ ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นและสงครามราคาที่โหดร้ายในปีที่แล้วได้ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของผู้ผลิตรถยนต์หลายราย

เนื่องจากเศรษฐกิจของจีนสูญเสียโมเมนตัม ผู้ผลิตรถยนต์จึงกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ในเดือน ม.ค. เทสลาลดราคาในจีนเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้เกิดสงครามราคา

แม้จะช่วยผลักดันยอดขายได้ แต่สงครามราคได้คุกคามความสามารถในการทำกำไรทั่วทั้งอุตสาหกรรม โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนมีอัตรากำไรเพียง 5% ซึ่งต่ำกว่าปี 2022 ที่ 5.7% และ 6.1% ในปี 2021

เพื่อชดเชยตลาดในประเทศที่ชะลอตัว ผู้ผลิตรถยนต์จีนจึงมองหาการเติบโตนอกแประเทศ ด้วยการขยายธุรกิจไปยังยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เรียบเรียงจาก CNN