เปิดประวัติ "วสันต์ โพธิพิมพานนท์" หรือ "วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ" เจ้าของวลี "ผมอยู่ทุกวันแหละครับ" ดีลเลอร์รายใหญ่ค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ของไทย ชายผู้สร้างตำนาน "ตลาดนัดคนเคยรวย" ซึ่งมาจากการล้มลุกคลุกคลานในยุควิกฤตการณ์ ต้มยำกุ้ง
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก Jaroensook Limbanchongkit Pone ได้โพสต์ข้อความและภาพ พร้อมระบุว่า ข่าวเศร้า!! บิ๊กวสันต์ เบนซ์ทองหล่อ (นามสกุลเดิม โพธิพิมพานนท์) แห่งเบนซ์ทองหล่อ กรุ๊ป หนึ่งในดีลเลอร์เบนซ์รายใหญ่ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และผู้สร้างตำนานตลาดนัดคนเคยรวย จนโด่งดังไปทั่วโลกในยุคต้มยำกุ้ง ได้จากไปในช่วงบ่ายวันนี้ ด้วยวัย 76 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งมาระยะหนึ่ง
สำหรับ นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์ หรือ วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ หนึ่งในดีลเลอร์เบนซ์รายใหญ่ของค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และผู้สร้างตำนาน "ตลาดนัดคนเคยรวย" เจ้าของวลี "ผมอยู่ทุกวันแหละครับ" ก่อนที่จะมาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เศรษฐีระดับพันล้านอย่างเช่นทุกวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เขาใช้ความขยัน พลังของความมุ่งมั่น และที่สำคัญคือความอดทน ทุ่มเทชีวิตและจิตใจ เพื่อสร้างอาณาจักรทองหล่อกรุ๊ป
"คุณวสันต์ โพธิพิมพานนท์" หรือ "สันต์" เป็นลูกคนที่ 6 จากพี่น้องทั้งหมด 8 คนในครอบครัวคนจีน เตี่ยกับแม่มีอาชีพค้าขายทุกอย่างที่จะมีคนซื้อ ล่องเรือค้าขายอยู่ที่กาญจนบุรี แม้จะยังไม่ค่อยมีเงินแต่ก็ไม่เคยอดอยาก เพราะอยากกินอะรก็หาได้จากหลังข้าน มียุ้งข้าว เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก จึงไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเรื่องฐานะทางข้านเลย แต่เมื่อเป็นเรื่องเรียนหนังสือ พ่อแม่ไม่สามารถส่งเสียลูกทุกคนให้เรียนสูงๆ ได้ทั้งหมด หวยจึงมาออกที่คุณวสันต์
คุณวสันต์เข้ากรุงเทพฯ มาเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอำนวยศิลป์คนเดียว พอสอบเอนทรานซ์ไม่ติด ต้องเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งค่าทอมแพงมาก คุณสันต์จึงแบ่งเบาภาระที่บ้าน ด้วยการรับจ้างขายที่ดินจัดสรรตารางวาละ 1,000 บาท แถวซอยโชคชัย 4 เริ่มก้าวเข้าสู่วงการนักขายมาตั้งแต่นั้น
นายวสันต์ โพธิพิมพานนท์ อดีตศิษย์เก่าโรงเรียนอำนวยศิลป์ จบปริญญาตรีคณะบริหารธุรกิจการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจาก สหรัฐอเมริกา เป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการเบนซ์ทองหล่อ
วสันต์ ชายผู้สร้างสร้างตำนาน "ตลาดนัดคนเคยรวย" ในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ด้วยไอเดียจัดตลาดนัดคนเคยรวย ที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก จัดแบ่งสถานที่ขายรถเบนซ์ส่วนหนึ่งมาเปิดร้านขายส้มตำ โดยสร้างกระแสฮือฮาด้วยการเปิดร้านตำส้มตำให้รับประทานฟรี 1 วัน
การเริ่มต้นสู่วงการธุรกิจรถหรูของคุณสันต์ เขามีใบเบิกทางคือความขยัน มุ่งมั่น อดทน และรู้จักเก็บออม นับตั้งแต่วัยเด็ก เขาก็เริ่มทำงานค้าขายเล็กๆ น้อยๆ คือรับไอศกรีมไปขายตามงานวัดที่มีหนังกลางแปลง ได้เงินมาก็นำไปฝากไว้ที่ธนาคารออมสินทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาเลือกที่จะเสี่ยงดวงไปเป็นโรบินฮู้ดอยู่อเมริก การใช้ชีวิตที่นั่นก็ไม่ได้สุขสบาย ทั้งยังถึงขั้นต้องไปเป็นกรรมกรที่แท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลแถวนิวออร์ลีนส์ตอนที่เงินไม่มีติดตัวสักบาทก็ทำมาแล้ว
จนกระทั่งเก็บเงินจากการทำงานที่อเมริกาได้ก้อนหนึ่งจึงมุ่งมั่นจะเรียนให้จบปริญญากับเขาสักใบ เพราะนึกถึงคำสอนของแม่ที่สิ้นไปตั้งแต่คุณวสันต์อายุได้ 10 ขวบว่าให้เรียนเก่งๆ และเรียนสูงๆ คุณวสันต์จึงไปสมัครทำงานที่ 7-11 หาเงินส่งตัวเองเรียน MBA จนจบ ขณะที่กำลังเรียนต่อปริญญาเอกก็ต้องกลับเมืองไทยมาช่วยกิจการของพี่ชายพอดี
ครั้งหนึ่ง วสันต์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมไม่เคยสอบอะไรได้เลย ตอนเรียนในห้องก็ไม่ค่อยสนใจ ขอแค่สอบผ่านได้เลื่อนชั้นก็พอ ไม่ได้สนใจว่าต้องได้คะแนนเยอะๆ ให้คนชื่นชม แต่ครูก็ให้คะแนนความประพฤติดี เพราะทำตัวดีไม่เคยขาดเรียน แต่ไม่เคยทำการบ้าน ถามว่าเก่งไหม ถ้าผมเรียนผมคิดว่าเก่ง สมองผมไม่แพ้ใครแต่ผมไม่ค่อยสนใจที่จะเรียนเอาแค่ผ่านๆก็พอ สอบคัดเลือกอะไรก็ตกหมด ถ้ามีอะไรเขียนๆ ผมก็ผิดหมด เพราะผมเขียนหนังสือไม่จบ สมองเร็วกว่ามือ ตรงนี้ที่ทำให้ผมไปสอบไม่ผ่าน สอบเอนทรานซ์ก็ไม่ได้ หอการค้าสัมภาษณ์ตก สอบโทเฟลก็ไม่ผ่าน แต่ถ้าได้เรียนก็แค่สอบผ่าน แค่เลื่อนชั้นได้"
หลังจากที่มาช่วยงานกิจการขายรถเก่าของพี่ชาย คุณสันต์ก็ได้เรียนรู้และทำงานที่นี่จนชำนาญในทุกๆ ด้าน และมองเห็นโอกาสของธุรกิจการซื้อขายรถยนต์ จึงไปติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายรถกระบะและรถบรรทุก ซึ่งยอมตกลงแม้ว่าคุณวสันต์จะยังไม่มีโชว์รูมใหญ่โตเลยก็ตาม มีแต่เพิ่งหมาแหงนเล็กๆ เท่านั้น! แต่ที่เพิงหมาแหงนนี่เองที่ขายรถได้เดือนละ 20 คัน แบบที่โชว์รูมบางที่ยังทำไม่ได้
หลังจากเข้าสู่วงการขายรถอย่างเต็มตัวแล้ว ก้าวต่อมาคือการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถหรู คุณวสันต์จึงรวบรวมความกล้าไปติดต่อขอเป็นตัวแทนจำหน่าย "เบนซ์" รถในฝันของเขา แม้ว่าจะยังไม่มีโชว์รูม ไม่มีเงินมาซื้อไปขายต่อ และไม่มีวงเงินธนาคารเหมือนเดิม แต่คราวนี้ยึดเทคนิคว่า "ขายให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาซื้อ" วันนั้นคุณสันต์จึงได้แค็ตตาล็อกรถเบนซ์มาเสนอขายลูกค้าปากเปล่า เมื่อลูกค้าตกลงซื้อ คุณวสันต์ก็จะไปหาเงินซื้อรถมาขายให้ลูกค้าอีกทีหนึ่ง ทำเช่นนี้อยู่ 3 ปีจึงมีโชว์รูมเป็นของตัวเอง
เบนซ์ทองหล่อ เคยเผชิญวิกฤติในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำปี 2540 จากที่เคยค้าขายคล่องตัว กลับมีรถสปอร์ตที่ขายไม่อกตกค้างอยู่เป็นร้อยคัน ที่ดินที่เคยมีมูลค่าสูงกลับราคาตกต่ำ จนเป็นหนี้สินอยู่ถึงสองพันล้านบาท แต่คุณสันต์มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าว่าอย่างน้อยต้องประคับประคองลูกน้องอีกเกือบ 500 ชีวิตให้ยังพออยู่ได้ โดยมีหลักธรรมะเป็นเครื่องนำทาง (คุณวสันต์สนใจการปฏิบัติธรรมตาม ดร.เจษฏ์สุภา ภรรยา)
เมื่อทำใจได้ว่าชีวิตมีขึ้นสูงก็ต้องมีตกต่ำไปเป็นธรรมดา ถ้าจุดที่เป็นอยู่นี้ถือว่าเป็นจุดที่ตกต่ำที่สุดแล้วของชีวิต นั่นหมายความว่าอนาคตข้างหน้าย่อมสามารถกลับคืนสู่จุดที่สูงกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
คุณสันต์ จึงตัดสินใจจ้างบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศ มาเสนอแผนประนอมหนี้กับธนาคาร เปลี่ยนร้านอาหารหรูย่านทองหล่อมาขายข้าวเหนียวส้มตำ และยังเปิด "ตลาดนัดคนเคยรวย" ให้คนภายนอกนำของเคยรักเคยหวงมาขาย ได้เงินมาต่อลมหายใจธุรกิจของตัวเองได้อีก เรียกว่าไม่ละทิ้งทั้งลูกน้องและผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกัน กว่าธุรกิจจะฟื้นตัวและพ้นจากหนี้สินต้องใช้เวลาถึง 15 ปี แต่ใจที่สู้อย่างไม่ท้อถอยในวันนั้นก็ทำให้ อาณาจักรเบนซ์ทองหล่อของคุณวสันต์ยังคงยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้
คุณวสันต์ ยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ที่ปรึกษาสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, ที่ปรึกษาสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร, กรรมการศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ และเคยได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่นของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2540
แหละวันนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งข่าวสุดเศร้าทั้วงการรถยนต์และผู้คนที่ได้รู้จักคุณสันต์ ผู้ชายที่มีความเป็นนักสู้ เป็นคนต้นแบบ เป็นแบบอย่างที่ดีของนักธุรกิจ ที่วันนี้ วินาทีนี้ สันต์ หรือ คุณวสันต์ จากทุกคนไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงตำนานของ เบนซ์ทองหล่อ ที่จะถูกเล่าขานสืบไป
https://ift.tt/cyTiNuz
ขายรถ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "เปิดประวัติ “วสันต์ เบนซ์ทองหล่อ” ชายผู้สร้างตำนาน "ตลาดนัดคนเคยรวย" - กรุงเทพธุรกิจ"
Post a Comment