จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแพร่ระบาดในระลอกล่าสุด ที่มีความรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม และส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่า สถานการณ์ต่างๆ จะฟื้นตัวดีขึ้น จากความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหา ควบคู่ไปกับแผนการฉีดวัคซีนสำหรับคนไทย ซึ่งจะก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ


อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ยังคงได้รับผลกระทบอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ผู้ผลิตรถยนต์ มีความพยายามในการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ในเชิงรุก เห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์จากงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ที่ผ่านมา ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยคลายความวิตกกังวลของผู้บริโภคและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลให้ตัวเลขยอดขายตลาดรวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 373,191 คัน เพิ่มขึ้น 13.6% จากยอดขายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว"

สถิติการขายรถยนต์ในประเทศ
ม.ค. - มิ.ย. 2564
ยอดขายปี 2564 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
ปริมาณการขายรวม 373,191 คัน + 13.6%
รถยนต์นั่ง 120,351 คัน + 0.5%
รถเพื่อการพาณิชย์ 252,840 คัน + 21.0%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 196,934 คัน + 18.3%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 168,993 คัน + 13.1%

ผลการดำเนินงานของ Toyota ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 มียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 24.4% หรือ คิดเป็นจำนวน 117,185 คัน ซึ่งถือได้ว่าดีกว่าอัตราการฟื้นตัวของตลาด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯ จะเผชิญกับความยากลำบากมากมายในปีที่ผ่านมา แต่ยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 หรือเท่ากับ 31.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลข 28.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว สืบเนื่องจากกลยุทธ์การขายแบบใหม่ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมถึงการเสริมความเข้มแข็งในส่วนกลยุทธ์การขายบนช่องทางออนไลน์และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ตลอดจนความพยายามในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ของ Toyota ในช่วงแรกของปีนี้

สถิติการขายรถยนต์ของ Toyota
ม.ค. - มิ.ย. 2564
ยอดขายปี 2564 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
ปริมาณการขายรวม 117,185 คัน + 24.4% ส่วนแบ่งทางการตลาด 31.4%
รถยนต์นั่ง 29,703 คัน - 0.7% ส่วนแบ่งทางการตลาด 24.7%
รถเพื่อการพาณิชย์ 87,482 คัน + 36.1% ส่วนแบ่งทางการตลาด 34.6%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 74,141 คัน + 31.8% ส่วนแบ่งทางการตลาด 37.6%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 61,833 คัน + 24.6% ส่วนแบ่งทางการตลาด 36.6%




แนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2564 Toyota คาดการณ์ว่า มีหลากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อทิศทางของตลาดรถยนต์ในปีนี้ เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกล่าสุด การเข้าถึงวัคซีนของประชาชน รวมถึงแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ตลอดจนการสนับสนุน จากองค์กรเอกชนทุกภาคส่วนที่ผนึกกำลังในการร่วมคลี่คลายสถานการณ์ คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะสามารถฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2564 จะอยู่ที่ 800,000 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา


ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2564
ยอดขายประมาณการปี 2564
เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563 ปริมาณการขายรวม 800,000 คัน + 1%
รถยนต์นั่ง 271,000 คัน - 1.4%
รถเพื่อการพาณิชย์ 529,000 คัน + 2.3%

Toyota Motor Thailand แถลงว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายการขายในปี 2564 อยู่ที่ 260,000 คัน หรือคิดเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ 32.5% แม้ว่าจะเผชิญปัญหาจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังคงเชื่อมั่นว่า จากความพยายาม ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขายบนช่องทางออนไลน์ แพ็กเกจการให้บริการที่ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น และมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในเรื่องการดูแลสุขอนามัย ทั้งในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมทั้งการให้บริการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคภายในรถยนต์ ตลอดจนความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ จะมีส่วนช่วยให้ได้รับความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากลูกค้าเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายได้เป็นผลสำเร็จ



ประมาณการขายรถยนต์ Toyota ในปี 2564
ยอดขายประมาณการปี 2564 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
ปริมาณการขายรวม 260,000 คัน + 6.4% ส่วนแบ่งทางการตลาด 32.5%
รถยนต์นั่ง 67,000 คัน - 1.7% ส่วนแบ่งทางการตลาด 24.7%
รถเพื่อการพาณิชย์ 193,000 คัน + 9.6% ส่วนแบ่งทางการตลาด 36.5%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 166,800 คัน + 11.5% ส่วนแบ่งทางการตลาด 40.2%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 142,000 คัน + 9.3% ส่วนแบ่งทางการตลาด 39.6%

สำหรับปริมาณการส่งออกของ Toyota ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บริษัทฯ ได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 141,909 คัน เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมียอดการผลิตสำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 258,365 คัน เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว
ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของ Toyota ม.ค. - มิ.ย. ปี 2564
ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2563
ปริมาณการส่งออก 141,909 คัน + 46%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 258,365 คัน + 50%
ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของ Toyota ในปีนี้ คาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกจะอยู่ที่ 322,000 คัน เพิ่มขึ้น 50% จากปีที่แล้ว จากสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดต่างประเทศ ด้วยปัจจัยต่างๆ อาทิ เช่น อัตราการลดลงของผู้ป่วยโควิด-19 ความคืบหน้าของแผนการฉีดวัคซีน และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศต่างๆ

ส่วนในด้านการผลิตนั้น มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จากความต้องการของลูกค้าในตลาดต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น ดังนั้น ปริมาณการผลิตรถยนต์ของ Toyota ในปี 2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 580,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 31% จากปีที่แล้ว ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของ Toyota ปี 2564
ปริมาณปี 2564 เปลี่ยนแปลง เทียบกับปี 2563
ปริมาณการส่งออก 322,000 คัน + 50%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 580,000 คัน + 31%


เมื่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย Toyota ยังสนับสนุนภาครัฐและชุมชน เพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ผ่านโครงการ "Toyota Stay with You" ส่งมอบรถยนต์ Toyota ให้กับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ระหว่างการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ Toyota ได้ให้บริการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในรถยนต์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้แก่ลูกค้ารถยนต์ทุกยี่ห้อไปแล้วกว่า 1,300,000 คัน จนถึงปัจจุบัน

Toyota นำเสนอผลิตภัณฑ์ การบริการ และกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความใส่ใจสูงสุดในด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด มีการว่าจ้างพนักงานในส่วนของสายงานการผลิตเพิ่มมากกว่า 400 อัตรา เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในตลาดแรงงานไทยในปัจจุบัน รวมทั้งยังมีแผนที่จะจ้างงานเพิ่มในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเราที่จะมีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ คาดหวังว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในอนาคต

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2564
ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 64,974 คัน เพิ่มขึ้น 11.9%
อันดับที่ 1 Toyota 22,337 คัน เพิ่มขึ้น 67.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.4%
อันดับที่ 2 Isuzu 14,098 คัน ลดลง 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 21.7%
อันดับที่ 3 Honda 7,339 คัน เพิ่มขึ้น 26.1% ส่วนแบ่งตลาด 11.3%

ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 22,538 คัน เพิ่มขึ้น 8.3%
อันดับที่ 1 Honda 6,422 คัน เพิ่มขึ้น 33.3% ส่วนแบ่งตลาด 28.5%
อันดับที่ 2 Toyota 5,414 คัน ลดลง 12.7% ส่วนแบ่งตลาด 24.0%
อันดับที่ 3 Mazda 1,821 คัน เพิ่มขึ้น 30.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 42,436 คัน เพิ่มขึ้น 13.8%
อันดับที่ 1 Toyota 16,923 คัน เพิ่มขึ้น 97.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 2 Isuzu 14,098 คัน ลดลง 15.4% ส่วนแบ่งตลาด 33.2%
อันดับที่ 3 Ford 2,721 คัน เพิ่มขึ้น 57.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 33,169 คัน เพิ่มขึ้น 12.1%
อันดับที่ 1 Toyota 14,472 คัน เพิ่มขึ้น 96.2% ส่วนแบ่งตลาด 43.6%
อันดับที่ 2 Isuzu 12,564 คัน ลดลง 18.2% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 Ford 2,721 คัน เพิ่มขึ้น 57.6% ส่วนแบ่งตลาด 8.2%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 3,811 คัน
อันดับที่ 1 Toyota Fortuner 1,768 คัน
อันดับที่ 2 Isuzu MU-X 1,142 คัน
อันดับที่ 3 Mitsubishi Pajero Sport 453 คัน
อันดับที่ 4 Ford Everest 391 คัน
อันดับที่ 5 Nissan Terra 57 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 29,358 คัน เพิ่มขึ้น 10.4%
อันดับที่ 1 Toyota Hilux REVO 12,704 คัน เพิ่มขึ้น 107.8%
ส่วนแบ่งตลาด 43.3%
อันดับที่ 2 Isuzu D-MAX 11,422 คัน ลดลง 23.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.9%
อันดับที่ 3 Ford 2,330 คัน เพิ่มขึ้น 64.8% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม - มิถุนายน 2564
ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 373,191 คัน เพิ่มขึ้น 13.6%
อันดับที่ 1 Toyota 117,185 คัน เพิ่มขึ้น 24.4% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 2 Isuzu 93,165 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 Honda 42,715 คัน เพิ่มขึ้น 3.4% ส่วนแบ่งตลาด 11.4%

ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 120,351 คัน เพิ่มขึ้น 0.5%
อันดับที่ 1 Honda 36,586 คัน เพิ่มขึ้น 6.0% ส่วนแบ่งตลาด 30.4%
อันดับที่ 2 Toyota 29,703 คัน ลดลง 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 24.7%
อันดับที่ 3 Nissan 11,294 คัน ลดลง 10.7% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 252,840 คัน เพิ่มขึ้น 21.0%
อันดับที่ 1 Isuzu 93,165 คัน เพิ่มขึ้น 22.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.8%
อันดับที่ 2 Toyota 87,482 คัน เพิ่มขึ้น 36.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 Ford 16,296 คัน เพิ่มขึ้น 41.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 196,934 คัน เพิ่มขึ้น 18.3%
อันดับที่ 1 Isuzu 85,021 คัน เพิ่มขึ้น 20.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.2%
อันดับที่ 2 Toyota 74,141 คัน เพิ่มขึ้น 31.8% ส่วนแบ่งตลาด 37.6%
อันดับที่ 3 Ford 16,296 คัน เพิ่มขึ้น 41.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน : 27,941 คัน
อันดับที่ 1 Toyota Fortuner 12,308 คัน
อันดับที่ 2 Isuzu MU-X 9,392 คัน
อันดับที่ 3 Mitsubishi Pajero Sport 3,532 คัน
อันดับที่ 4 Ford Everest 2,536 คัน
อันดับที่ 5 Nissan Terra 173 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 168,993 คัน เพิ่มขึ้น 13.1%
อันดับที่ 1 Isuzu D-MAX 75,629 คัน เพิ่มขึ้น 11.8% ส่วนแบ่งตลาด 44.8%
อันดับที่ 2 Toyota Hilux REVO 61,833 คัน เพิ่มขึ้น 24.6% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
อันดับที่ 3 Ford Ranger 13,760 คัน เพิ่มขึ้น 46.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.1%
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/
https://ift.tt/2TQavfo
ขายรถ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สรุปยอดขายตลาดรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2564 - ไทยรัฐ"
Post a Comment