ยกตัวอย่างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Polestar 2 ซึ่งเป็นรถยนต์คันแรกในตลาดที่มีระบบเอนเตอร์เทนเมนท์ที่พัฒนาโดย Google ที่จะมาปฏิวัติวงการเครื่องเล่นหรือสิ่งอำนวยความสะดวกภายในรถ โดยระบบจะใช้ Google ในตัว รวมถึงการควบคุมด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ โดยใช้คำสั่งเสียงที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงการนำทางผ่าน Google แผนที่ ระบบสภาพอากาศ เพลง โทรศัพท์ และอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ก้าวหน้ามากในขณะนี้
ในการวิจัยของ Polestar ยังได้พูดถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ยังสร้างความแตกต่างให้กับผู้บริโภค
โดยพิจารณาจากข้อมูลประชากรอายุ
ผลวิจัยของ Polestar ได้พูดถึงการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ยังสร้างความแตกต่างให้กับผู้บริโภคโดยพิจารณาจากข้อมูลประชากรอายุ
ร้อยละห้าสิบเจ็ดของคนรุ่นมิลเลนเนียล (อายุ 25 ถึง 40 ปี) มีความมั่นใจในแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มเบบี้บูมเมอร์เพียง 28 เปอร์เซ็นต์ (อายุ 57 ถึง 75 ปี) เกือบครึ่ง (46%) ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดเปิดรับแบรนด์ใหม่และสตาร์ทอัพมากขึ้น
แม้ว่าความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมไม่สำคัญสำหรับผู้ตอบแบบสอบถาม แต่มากกว่าครึ่ง Gen Z ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากกว่าคนที่มีอายุมาก
สำหรับผู้ตอบแบบสำรวจ Gen Z (อายุ 18-24 ปี) ภาพลักษณ์ของแบรนด์จึงเป็นปัจจัยสำคัญ โดย 12 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่าการพิจารณาเลือกรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้ระบบสันดาปภายใน และนั่นเป็นตัวเลขสองเท่าของ Millennials (อายุ 25-41) และมากกว่าสามเท่าของ Baby Boomers (อายุ 57-74) ชี้ให้เห็นว่ายิ่งเป็นคนอายุมากมีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าคนรุ่นใหม่
อ่านบทความและอื่น ๆ ( สหรัฐฯ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะ “ความไฮเทค” ไม่ใช่เรื่อง “ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม” - SpringNews )https://ift.tt/iOb9xZr
รถยนต์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สหรัฐฯ ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เพราะ “ความไฮเทค” ไม่ใช่เรื่อง “ลดมลภาวะสิ่งแวดล้อม” - SpringNews"
Post a Comment