
Tesla ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าทั้งหมดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาที่สูงขึ้น เช่นเดียวกันกับผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ที่หันมาผลิต EV มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับกระแสโลก Net Zero หรือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน Toyota ระบุเมื่อ ธ.ค. 2021 ว่า ตั้งเป้าหมายที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้า 3.5 ล้านคันทั่วโลกในปี 2030 รวมถึง Honda ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 2 ล้านคันต่อปีภายในปี 2030 ในขณะที่ Nissan ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้คิดเป็น 50% ของยอดขายโดยรวมในปีเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมี Volkswagen AG ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน กล่าวว่า จะสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่หลายแห่งในยุโรป
"หากราคาของโลหะหายากและวัตถุดิบอื่น ๆ ที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จำเป็นต้องขึ้นราคา EV อย่างน้อย 30% หรือมากกว่านั้น" โทชิฮิเดะ คิโนชิตะ (Toshihide Kinoshita) นักวิเคราะห์อาวุโสของ SMBC Nikko Securities Inc. บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่น กล่าว พร้อมเสริมด้วยว่า "มันอาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ EV แพร่หลายช้าลง"
EV ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เมื่อขับเคลื่อน ทำให้ดึงดูดผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม รถยนต์เหล่านี้มีราคาแพงกว่ารถยนต์ไฮบริด และสามารถเดินทางในระยะทางสั้น ๆ ได้ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นพึ่งพาเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอย่างมากในการส่งเสริมการขายรถยนต์ไฟฟ้า
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ราคาลิเธียมดีดตัวขึ้น 5 เท่าจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้น - SpringNews )https://ift.tt/O0cQ4ys
รถยนต์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ราคาลิเธียมดีดตัวขึ้น 5 เท่าจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้น - SpringNews"
Post a Comment