Search

เทคโนโลยีล้ำสมัยในรถ คุ้มค่าเงินที่จ่ายมากน้อยแค่ไหน ? - ผู้จัดการออนไลน์



รถยนต์ยุคใหม่ได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เทคโนโลยีมากขึ้น เพราะผู้ผลิตมักจะชูจุดเด่นเรื่องความทันสมัยของระบบต่างๆ ที่ถูกอัดเข้าไปในรถยนต์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เพิ่มเข้ามา ถ้าไม่ทำให้ราคารถยนต์สูงขึ้นคงไม่ก่อให้เกิดคำถาม แต่ประเด็นคือ ราคาของรถยนต์รุ่นใหม่ในปัจจุบันขยับตัวสูงขึ้น จนผู้บริโภคบางส่วนก็เลยเกิดคำถามตามมาว่า ‘รถยนต์ที่พวกเขาซื้อมานั้นมีความคุ้มค่าต่อเงินที่จ่ายไปมากน้อยแค่ไหน ?’

ตรงนี้ก็เลยทำให้เกิดการวิจัยที่เรียกว่า Tech Experience Index (TXI) โดยทาง JD Power เพื่อสำรวจถึงประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์ช่วงเวลาที่เป็นเจ้าของในตลาดสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบต่อพฤติกรรมและความพึงพอใจของเจ้าของในกรณีที่แบรนด์ต่างๆ ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปในรถยนต์รุ่นใหม่ของตัวเอง โดยครอบคลุม 4 กลุ่มจาก 36 เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเรื่องความสะดวกสบาย การช่วยเหลือผู้ขับแบบกึ่งอัตโนมัติ ด้านพลังงานและความยั่งยืนในการขับเคลื่อน และระบบการเชื่อมต่อและการให้ข้อมูล

งานวิจัยนี้จะเป็นการรวบรวมข้อมูลที่ระบุถึงความสามารถในการปรับตัวของผู้เป็นเจ้าของรถยนต์กับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา โดยเน้นไปที่ความพึงพอใจ ความถี่ในการใช้งาน และปัญหาที่พวกเขาต้องเจอช่วงเวลาแรกๆ ของการเป็นเจ้าของโดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและให้ค่าความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด โดยมีเป้าหมายในการมีส่วนช่วยให้แบรนด์ต่างๆ รับทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า


สำหรับปี 2564 ทาง JD Power ศึกษากลุ่มตัวอย่างจำนวน 110,827 คนในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์โมเดล หรือ MY 2021 และเป็นการสำรวจในช่วง 90 วันแรกของการเป็นเจ้าของโดยเริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคมที่ผ่านมา ตามรายงานการศึกษาของปี 2564 ที่ทาง JD Power เปิดเผยออกมาถึงพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ใหม่กับประสบการณ์การใช้เทคโนโลยีที่ติดตั้งอยู่ข้างในของคนอเมริกันนั้น มีจุดบ่งชี้บางอย่างที่ดูเหมือนว่า รถยนต์ใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีกำลังจะไม่ถูกใจคนบางกลุ่ม



ประสบการณ์ที่บางคน (อาจจะ) ไม่ได้ต้องการ

Kristin Kolodge กรรมการบริหารของ J.D. Power กล่าวว่า ตอนนี้ ราคารถยนต์ใหม่ในตลาดสหรัฐอเมริกาถูกขยับจากรุ่นเดิมค่อนข้างเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสิ่งใหม่ๆ ที่ถูกติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไป โดยเฉพาะพวกเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับลูกค้าบางราย อาจจะมองว่าตรงนี้คือความคุ้มค่า เพราะว่าพวกเขาได้ใช้งานอย่างเต็มที่ แต่สำหรับลูกค้าบางกลุ่ม สิ่งนี้กลับเหมือนกับทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพถูกมัดมือชก เพราะจำเป็นต้องซื้อ แต่ทว่ากลับไม่ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ หรือไม่ได้ใช้งานเลย

จากรายงานของ JD Power พบว่า 1 ใน 3 ของเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีติดตั้งอยู่ในรถยนต์ใหม่ในยุคปัจจุบัน มีเจ้าของจำนวนไม่ถึงครึ่งที่ใช้เทคโนโลยีนี้ในช่วง 90 วันแรกของการเป็นเจ้าของ และเจ้าของรถที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ส่วนใหญ่มักบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการมันเลย โดย 61% ของเจ้าของบอกว่าพวกเขาไม่เคยใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการตลาดดิจิทัลในรถยนต์ (In-Vehicle Digital Marketing) ที่แบรนด์ติดตั้งมาในตัวรถ และ 51% ของเจ้าของบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการเทคโนโลยีนี้เลย ขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารของคนขับหรือผู้โดยสารผ่านระบบต่างๆ ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน เพราะ 52% ของเจ้าของบอกว่าไม่เคยใช้เทคโนโลยีนี้ และ 40% บอกว่าไม่ต้องการให้มีอยู่ในรถยนต์


จับคู่ผิด มีสิทธิ์ยอดขายพัง

JD Power เผยว่า พวกเขามีข้อมูลมากมายของสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพฤติกรรมและความรู้สึกของผู้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่ต่อสิ่งที่ถูกติดตั้งอยู่ข้างใน และข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมาก เพราะสามารถชี้ชะตาได้เลยว่ารถยนต์รุ่นนั้นๆ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อมากน้อยแค่ไหน และการวิจัย TXI ประเมินผลประโยชน์เมื่อมีความสอดคล้องระหว่างสิ่งที่เจ้าของต้องการอย่างแท้จริงกับสิ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์ผลิต

‘เรามีข้อมูลมากมายที่แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์กำลังเจอสภาพที่บีบคั้นที่พวกเขาจะต้องขายรถได้เร็วและต้องมีกำไรอีกด้วย ดังนั้น ถ้าพวกเขาผสมผสานฟีเจอร์หรือเทคโนโลยีที่ไม่ถูกต้องหรือเหมาะสมในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ของพวกเขา โอกาสที่จะไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายก็มีสูง’ Kolodge กล่าว

สิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้ได้ดีคือ กรณีศึกษาของกล้องสำหรับถ่ายทอดภาพที่อยู่ด้านหลังเวลาต้องถอย หรือ Camera rear-view mirror และการถ่ายทอดภาพที่อยู่รอบๆ ตัวรถ หรือ Ground view camera ซึ่งทั้ง 2 เทคโนโลยีนี้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน 3 อันดับแรกของเทคโนโลยีที่ผู้ซื้อรถยนต์ต้องการให้มีอยู่ในรถยนต์ใหม่คันถัดไปที่พวกเขาจะต้องซื้อ

ดังนั้น เมื่อติดตั้งเทคโนโลยีที่เหมาะสมลงในรถยนต์ แม้ว่าจะเรียบง่ายและไม่มีอะไรซับซ้อน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จะส่งผลดีต่อการตัดสินใจของเจ้าของรถในการซื้อรถยนต์ใหม่อีกคันที่ติดตั้งเทคโนโลยีแบบเดียวกันนี้ เรียกว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีและมีความจำเป็นในการใช้งานอย่างแท้จริง


ตัวแปรที่มีส่วนในการสร้างความประทับใจต่อเทคโนโลยี

Tech Experience Index (TXI) 2021 ระบุถึงหลายเรื่องที่น่าสนใจ ซึ่งนอกจากเรื่องการจับคู่เทคโนโลยีใหม่อย่างถูกต้องและตรงใจคนซื้อรถยนต์แล้ว ตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ที่จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายบิลด์อารมณ์ให้กับคนซื้อ โดยเฉพาะในเรื่องของการรับรู้ของความคุ้มค่าของระบบต่างๆ ที่มีอยู่ในรถยนต์ อีกทั้งในเรื่องของการส่งมอบ บรรดาตัวแทนขายจะต้องแสดงหรือสาธิตการทำงานของระบบต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจและรับรู้ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีเหล่านี้ที่จะมีผลโดยตรงต่อพวกเขาโดยตรง

สิ่งที่ยืนยันถึงเรื่องนี้คือการเก็บข้อมูลจาก 2 รูปแบบในการรับรู้ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตัวรถยนต์อย่างระบบช่วยเหลือในการลากจูง ซึ่งถ้าตัวแทนจำหน่ายมีการสาธิตและอธิบายถึงการทำงานเพื่อให้เจ้าของได้รับรู้ถึงการทำงาน ดัชนีชี้วัดความพอใจต่อประสบการณ์ที่มีต่อเทคโนโลยีจะอยู่ในระดับ 8.69 จากจำนวนเต็ม 10 ขณะที่ถ้าลูกค้าเกิดซื้อไปแล้วและต้องอ่านคู่มือหรือดูวิธีการใช้งานจากช่องทางอื่นๆ ตัวเลขจะน้อยกว่า อยู่ที่ 7.83 เท่านั้น

ดังนั้นการปิดจ็อบที่หน้างานเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีจะขึ้นอยู่กับความใส่ใจของดีลเลอร์ในการทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจ และเข้าถึงการทำงานของระบบเหล่านั้นได้ ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญและมีส่วนช่วยอย่างมากในการแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของเทค

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( เทคโนโลยีล้ำสมัยในรถ คุ้มค่าเงินที่จ่ายมากน้อยแค่ไหน ? - ผู้จัดการออนไลน์ )
https://ift.tt/3dpoTBl
รถยนต์

Bagikan Berita Ini

0 Response to "เทคโนโลยีล้ำสมัยในรถ คุ้มค่าเงินที่จ่ายมากน้อยแค่ไหน ? - ผู้จัดการออนไลน์"

Post a Comment

Powered by Blogger.