โควิดไทยยังแกว่ง แม้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันลดลงแต่ยังทะลุกว่า 1.3 หมื่นคน เสียชีวิตร้อยกว่าศพ โดยใน กทม.เริ่มทรงตัว “ติด-ตาย” ลด แต่กลับพบติดเชื้อเป็นกลุ่มใหญ่ใน ตจว.เพียบ จับตาคลัสเตอร์แรงงานแสมสาร-ก๊วนเสพยาเลาขวัญ-ร.ร.ประจำวังสะพุง ด้าน สปสช.วอนกลุ่มเสี่ยงที่รับชุดตรวจ ATK ไปแล้ว ขอให้รีบตรวจหาเชื้อทันที หลังแจกแล้ว 121,922 ชุด มีการบันทึกผลตรวจเข้ามาในระบบเพียง 6.9 พันคน ส่วน คปภ.เร่งเกาะติดสถานการณ์ประกันโควิดหลังพบ บ.ประกันฯ บางแห่งถึงกับเลิกจ้างพนักงาน เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
แม้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้ป่วยเสียชีวิตรายวันลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะใน กทม.มีแนวโน้มทรงตัว แต่กลับพบผู้ติดเชื้อโผล่เป็นคลัสเตอร์ใหม่และใหญ่ในหลายจังหวัด

ติดเชื้อลดแต่ยังเกิน 1.3 หมื่น
เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 13,576 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 13,168 คน มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 12,048 คน มาจากการค้นหาเชิงรุก 1,120 คน และมาจากเรือนจำ 395 คน เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 คน แยกเป็นคนไทยจากมาเลเซีย 3 คน ทางด่านพรมแดนทางบก 1 คนและช่องทางธรรมชาติ 2 คน คนไทยจากกัมพูชา 4 คน จาก นร.ชาวรัสเซีย มาจากรัสเซีย 1 คน คนไทยจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 คน คนไทยจากสหรัฐอเมริกา 1 คน จากโอมาน 1 คน เป็นชายชาวโอมาน และจากจีน 1 คนเป็นชายชาวจีน หายป่วยเพิ่มขึ้น 12,492 คน อยู่ระหว่างรักษา 131,095 คน อาการหนัก 3,646 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 768 คน เสียชีวิตอีก 117 คน เป็นชาย 72 คน หญิง 45 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 77 คน มีโรคเรื้อรัง 32 คน เสียชีวิตที่บ้าน 1 คน ที่ จ.ยะลา พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดใน กทม. 22 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 15,363 คน
หลาย จว.ป่วยใหม่ยังแรง
สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ข้อมูล ณ วันที่ 19 ก.ย.ได้แก่ กทม. 2,880 คน สมุทรปราการ 1,030 คน ชลบุรี 926 คน ยะลา 492 คน ราชบุรี 483 คน สงขลา 444 คน ระยอง 366 คน นราธิวาส 353 คน นครศรีธรรมราช 307 คน สมุทรสาคร 304 คน ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,476,477 คน มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 1,330,019 คน

ฉีดเข็ม 2 แล้วร้อยละ 20.8
ส่วนยอดผู้ได้รับวัคซีนของประเทศไทย ณ เวลา 18.00 น. เมื่อวันที่ 18 ก.ย. มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเติม 596,230 โดส รวมยอดฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 44,485,657 โดส แบ่งเป็นฉีดเข็มแรกสะสม 28,893,133 ราย คิดเป็นร้อยละ 40.1 ของจำนวนประชากร เข็มที่สองสะสม 14,971,317 ราย คิดเป็นร้อยละ 20.8 ของจำนวนประชากร และเข็มที่ 3 สะสม 621,207 ราย
วอนรับ ATK แล้วรีบตรวจ
ต่อมา นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า สปสช.ได้แจกชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง โดยเริ่มแจกวันที่ 16 ก.ย. เป็นวันแรก รับคนละ 2 ชุด ข้อมูลถึงวันที่ 19 ก.ย. มีประชาชนมารับชุดตรวจไปแล้วรวม 121,922 ชุด ขณะนี้พบผลเป็นบวก 54 ราย ได้แก่ กทม. 34 คน สมุทรปราการ 9 คน นนทบุรี 5 คน ภูเก็ต 3 คน สระบุรี 2 คน และอยุธยา 1 คน ซึ่งเข้าสู่ระบบการรักษาตามขั้นตอนแล้ว อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลรายงานการรับชุดตรวจ ATK พบว่า ประชาชนที่รับชุดตรวจ ATK มีการบันทึกผลตรวจเข้ามาในระบบเพียง 6,947 รายเท่านั้น หรือคิดเป็นร้อยละ 6 จากจำนวนชุดตรวจ ATK ที่แจกไป ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่รับ ATK ไปแล้ว ขอให้รีบตรวจหาเชื้อโดยเร็ว เพื่อที่จะได้เข้าสู่ระบบติดตามและเฝ้าระวัง ที่จะมีผลต่อการลดการแพร่ระบาดในประเทศ
อภ.ส่งมอบแล้ว 4.722 ล้านชุด
สำหรับการกระจายชุดตรวจนั้น นพ.จเด็จ กล่าวว่า องค์การเภสัชกรรมแบ่งการตรวจรับชุดตรวจ ATK เป็น 4 งวด ตรวจรับไปแล้ว 3 งวด ได้แก่ งวดที่ 1 จำนวน 1.167 ล้านชุด ส่วนงวดที่ 2 จำนวน 2.155 ล้านชุด งวดที่ 3 จำนวน 1.4 ล้านชุด ที่เหลือคืองวดที่ 4 จำนวน 3.778 ล้านชุด จะมีการตรวจรับอีกครั้งในวันที่ 22 ก.ย.นี้
ส่งศพหญิงเร่ร่อนตรวจโควิด
สำหรับสถานการณ์ใน กทม.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตริมถนน 1 ราย โดยเมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 19 ก.ย. ร.ต.ท.รณกร วัฒนกุล รอง สว. (สอบสวน) สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งพบศพหญิงเร่ร่อน เสียชีวิตปริศนาอยู่หน้าร้านค้าอาวุธปืนสิงห์ทองไฟร์อาร์ม เลขที่ 1 ถนนอุณากรรณ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. จึงประสานชุดปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตมูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งมีชุดพีพีอีเข้าร่วมตรวจสอบ พบศพ น.ส.อัลชิญาฐ์ วัฒนวงศ์วรกุล อายุ 55 ปี อยู่บ้าน เลขที่ 641 ซอยลาดพร้าว 64 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. สภาพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่รองเท้าแตะสีดำ นั่งพิงประตูอยู่ที่หน้าร้านค้าอาวุธปืนดังกล่าว รอบกายมีถุงและกระเป๋าใส่เสื้อผ้าและสัมภาระวางอยู่ 3 ใบ พบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ตาย 1 ใบ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 5 ชม. สอบสวนชาวบ้านในละแวกดังกล่าวไม่มีใครรู้จักกับผู้ตายเชื่อว่าเป็นบุคคลเร่ร่อน แวะมานั่งพักแล้วสิ้นลมด้วยโรคประจำตัว เบื้องต้นจึงนำร่างห่อใส่ถุงนิรภัย 3 ชั้น ส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจหาเชื้อโควิดและสาเหตุที่แท้จริง ก่อนประสานญาติตามภูมิลำเนาให้ทราบเพื่อจัดการกับศพให้ถูกต้องตามหลักปฏิบัติสากลและตามประเพณีต่อไป
ยะลาเข้มจัด “ชิงเปรต”
ขณะเดียวกัน ในหลายจังหวัดสถานการณ์การแพร่ระบาดนับวันยังน่าห่วง โดยที่ จ.ยะลา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ยังพบผู้ติดเชื้ออีก 492 คน คงอยู่อันดับ 1 ของโซนภาคใต้ พบผู้ติดเชื้อมากสุดที่ อ.เมือง 181 คน เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ศพ เป็นชายทั้งคู่ อายุ 78 ปี และ 48 ปี มีภาวะไตวายเรื้อรัง นอกจากนี้ นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผวจ.ยะลา ในฐานะประธาน ศบค.จ.ยะลา ออกประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ยะลา เกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในการจัดงานประเพณีทำบุญวันสารทเดือนสิบ ประจำปี พ.ศ.2564 ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ก.ย.และ 6 ต.ค.2564 โดยวัดที่จัดงานให้แจ้งต่อ ศปก.อ.ในพื้นที่ เพื่อให้เข้าประเมินความพร้อม กำหนดให้ลงทะเบียน ทางเข้าออก คัดกรองวัดอุณหภูมิ มีเจลบริการ ให้เว้นระยะห่าง ให้ฆ่าเชื้อก่อนและหลังกิจกรรม พระภิกษุและพุทธศาสนิกชนที่ร่วมกิจกรรมต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม และให้สวมใส่หน้ากากอนามัย ปฏิบัติตามมาตรการ และหลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมกับผู้สูงอายุ งดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่จัดภัตตาหารเพลถวายพระได้ตามความเหมาะสม และหากมีการ “ชิงเปรต” กำหนดให้มีผู้เข้าร่วมได้ไม่เกิน 10 คนและต้องตรวจ ATK ก่อนกิจกรรม

คุกเมืองคอน-ชัยภูมิป่วยพุ่ง
เช่นเดียวกับ จ.นครศรีธรรมราช พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 468 คน ถือเป็นยอดที่สูงที่สุดของจังหวัด ส่วนคลัสเตอร์สำคัญที่กำลังแพร่ระบาดคือ ทัณฑสถานวัยหนุ่ม ต.ท่างิ้ว อ.เมืองนครศรีธรรมราช พบเพิ่มอีก 130 คน รวมพบผู้ติดเชื้อ 1,195 คน เจ้าหน้าที่ 1 คน ด้านนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผวจ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า แนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของทัณฑสถานวัยหนุ่มฯ จะนำแนวของเรือนจำกลางเชียงใหม่มาปรับใช้ คือจะใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ควบคู่ไปกับการใช้ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ส่วน จ.ชัยภูมิ ยังพบผู้ป่วยโควิด-19 คลัสเตอร์ในเรือนจำ จ.ชัยภูมิ ต่อเนื่อง โดยเพิ่มอีก 109 คน รวมผู้ป่วยสะสมในเรือนจำ 1,406 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังป่วย 1,401 คน ผู้คุม 5 คน โดยทางเรือนจำฯมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทุกโรงเรือนนอน ห้องน้ำ ห้องสุขา ทำความสะอาดภายในเรือนทุกแห่งแล้ว และให้กันพื้นที่งดให้ทางญาติกลุ่มเสี่ยงผู้ต้องขังเข้าเยี่ยมทั้งหมดไว้ก่อนต่อไป ผู้ต้องโทษใหม่ยังต้องส่งไปฝากขังที่เรือนจำอำเภอบัวใหญ่ จ.นครราชสีมา ขณะที่ภาพรวมของจังหวัด พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 36 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ นอกจากนี้ อำเภอคอนสวรรค์ มีคำสั่งห้ามเข้าออก 2 หมู่บ้าน คือหมู่บ้านฝาย หมู่ที่ 1 และหมู่ 3 เป็นเวลา 14 วัน เริ่มวันที่ 19 ก.ย.-2 ต.ค.2564 ต.หนองขาม หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 อีก 15 คน ในชุมชนใหญ่ 2 หมู่บ้านดังกล่าว
วังสะพุงผงะ นร.ติดเชื้ออื้อ
ขณะที่ อ.วังสะพุง จ.เลย เจอคลัสเตอร์ใหม่ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 52 เป็นโรงเรียนประจำระดับมัธยม มีครู 76 คน นักเรียน 517 คน เป็น 1 ใน 2 โรงเรียนที่คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เลย มีมติให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ตามประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดฯ จ.เลย ฉบับล่าสุด ลงวันที่ 14 ก.ย.64 นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอวังสะพุง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ตรวจพบเด็กนักเรียนติดโควิด 26 คน และวันที่ 19 ก.ย. เพิ่มอีก 8 คน รวมเป็น 34 คน สาเหตุน่าจะมาจากมีเด็กนักเรียนชายชั้น ป.6 บ้านอยู่ จ.อุดรธานี คิดถึงบ้านหนีออกจากโรงเรียนกลับบ้าน และโดนกักตัวที่บ้าน ตรวจผลออกมาเป็นลบ จากนั้นกลับมาเรียนตามปกติ และคลุกคลีกับพี่เลี้ยงและเพื่อนนักเรียน และหนีกลับไปบ้านอีกรอบจนพบว่าติดโควิด รักษาตัวที่โรงพยาบาล จ.อุดรธานี เมื่อโรงเรียนเมื่อทราบจึงสั่งตั้งด่านตรวจ และปิดประตูโรงเรียน ไม่ให้บุคคลภายนอกและไม่เกี่ยวข้องเข้าออก ตรวจหาเชื้อโควิดโดยชุดตรวจ ATK พบนักเรียนติดโควิด-19 ทั้งสิ้น 34 คน
ติดเชื้ออีกนับร้อยที่แสมสาร
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจอผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ หลังนายกิตติ บุญรัตนเนตร สาธารณสุขอำเภอสัตหีบ นำเจ้าหน้าที่ตรวจหาเชิงรุกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ภายในชุมชนบ้านช่องแสมสาร ต.แสมสาร โดยตั้ง 4 จุดตรวจบริเวณสะพานสุวิทย์การประมง สะพานวราสินธ์ สะพานคณาศรีนุวัติ และสะพานโชครัตนปรีดา หลังจากที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ 248 คนและมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในกลุ่มแรงงานต่างด้าว โดยจากการตรวจเชิงรุกในครั้งนี้ พบผลเป็นบวกทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าว มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ รวม 116 คน ทำให้ชุมชนนี้มีผู้ป่วยรวมทั้งสิ้น 364 คน เบื้องต้นศูนย์บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด-19 ของกองทัพเรือ ได้จัดรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คัน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จัดรถกู้ชีพ 5 คัน มาลำเลียงผู้ป่วยทั้งหมดไปยัง รพ.สนามและพื้นที่กักกันของภาครัฐ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้ มาจากกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่มีอาชีพแรงงานรับจ้าง โดยเฉพาะแม่บ้านที่มีสามีทำงานออกเรือในทะเล เมื่อมีการติดแล้ว สามีที่กลับจากออกเรือเข้าฝั่งไม่รู้ว่าภรรยาติด จึงเกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้พบผู้ติดเชื้อเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบจำนวนหลายสิบรายด้วย

คร่า 3 ชีวิตคาสถานสงเคราะห์
ส่วนที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. จนท.ศูนย์วิทยุร่วมกตัญญู (ร่วมปทุม) ได้รับแจ้งจาก จนท.ศูนย์วิทยุ สภ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ว่ามีเหตุผู้เสียชีวิตภายในสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จำนวน 2 ราย และสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จำนวน 1 ราย จึงประสานชุดปฏิบัติการพิเศษมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบสถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี มี 2 ราย อายุ 59 ปีและอายุ 68 ปี ส่วนที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี มี 1 ราย อายุ 59 ปี และจากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ติดโควิด-19 จึงนำร่างส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ผอ.กคส.แจงป้องกันโรคเข้มงวด
ต่อมา นายอุเทน ชนะกุล ผอ.กองคุ้มครองสวัสดิภาพและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต (กคส.) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ว่าได้รับรายงานแล้วว่าที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรี มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดปทุมธานี (แรกรับ) เป็นชาย 1 ราย เสียชีวิตที่ รพ.ธัญบุรี ทั้ง 2 แห่งมีการจัดพื้นที่เป็น รพ.สนาม หรือการแยกกักผู้ป่วยโควิดในชุมชน (Community Isolation-CI) ดูแลผู้ป่วยระดับสีเขียวอยู่แล้ว มี รพ.ธัญบุรี เป็นสถานพยาบาลดูแล มีผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการสีเขียวอยู่ใน CI ประมาณหลักร้อย จากผู้รับบริการที่มีอยู่ประมาณแห่งละ 400-500 คน ต้องยอมรับว่าผู้รับบริการส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว บางรายมีปัญหาทางจิต ดังนั้นอาจจะส่งผลกระทบให้โรคโควิดที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้ ส่วนสาเหตุการติดเชื้อโควิดของผู้รับบริการสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจจะเกิดจากช่วงที่ผ่านมามีการนำออกไปรับการฉีดวัคซีนที่หน่วยฉีดภายนอกหรือไม่ เนื่องจากหลังล็อกดาวน์ ได้วางระบบดูแลความปลอดภัยความเข้มงวด งดคนภายนอกหรือญาติเข้าเยี่ยม ให้เยี่ยมผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์ รวมถึงงดรับบริจาค วัสดุสิ่งของอาหารที่นำส่งก็ห้ามส่งตรงถึงโรงครัว จะมีจุดรับและพ่นฆ่าเชื้อก่อน อย่างไรก็ตาม ช่วงการระบาดที่ผ่านมาผู้รับบริการที่ติดโควิดและเสียชีวิตที่สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งหญิงธัญบุรีมี 5 ราย สถานคุ้มครองคนไร้ที่พึ่งชายธัญบุรี 15 ราย และศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดปทุมธานี (แรกรับ) 1 ราย
ผู้ต้องหามอบตัวทนป่วยไม่ไหว
ขณะที่กรณีปลัดอำเภอเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี จับกุม 3 ผู้ต้องหามั่วสุมเสพยาบ้าในพื้นที่ตำบลหนองโสนและตำบลหนองฝ้าย อ.เลาขวัญ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา และผลตรวจทั้งสามคนติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ชุดจับกุมประกอบด้วยทั้งปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้ช่วย ผญบ., เจ้าหน้าที่ของอำเภอ ฯลฯ รวม 13 คน ต้องกักตัว และต่อมา รพ.เลาขวัญ ประสานแจ้งว่า จากการสอบสวนโรคทราบชื่อผู้ร่วมเสพยาเสพติดในพื้นที่ตำบลหนองฝ้าย และเรียกมาตรวจหาเชื้อ พบผู้ติดโควิดอีก 16 คน และกักตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 50 คน รวมทั้งพระสงฆ์ที่วัดหนองฝ้าย ต.หนองฝ้าย พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มผู้เสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับ 3 ผู้ต้องหา และผู้ติดเชื้ออีก 16 คน ให้มาแสดงตนเพื่อเข้ารับการคัดกรองตรวจจากแพทย์ ซึ่งต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. นายมานพ ขันทอง หรือ “เข็ม หนองฝ้าย” อายุ 25 ปี อยู่หมู่ที่ 1 ต.หนองฝ้าย ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย ของกลางยาบ้า 48 เม็ด ที่หลบหนีการจับกุมเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ได้ติดต่อขอมอบตัวกับ จนท.ฝ่ายปกครองอำเภอเลาขวัญ เนื่องจากทนต่อโรคโควิดไม่ไหว เพราะเชื้อลงปอดทำให้หายใจไม่ออก ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรักษาตัวที่รพ.เลาขวัญ และ จนท.ได้อายัดตัวไว้แล้ว

คปภ.จับตา บ.ประกันปลด พนง.
วันเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยกรณีมีข่าวว่าบริษัทประกันวินาศภัยแห่งหนึ่งเลิกจ้างพนักงานว่า คปภ.ได้ตรวจสอบแล้วเบื้องต้นได้รับรายงานจากบริษัทแห่งนี้ว่า กรณีดังกล่าวบริษัททำเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายของบริษัทให้สามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัย (โควิด-19) ตามภาระผูกพันได้ และยังคงพนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนไว้ ทั้งนี้ คปภ.พร้อมดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย ได้ดำเนินการและออกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว โดยส่งทีมตรวจสอบเข้าไปตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ยังไม่พบการเลิกประกอบกิจการของบริษัท และยังไม่พบพฤติการณ์การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินแต่อย่างใด ซึ่งมีกลไกทางกฎหมายในการป้องกันและควบคุมในส่วนนี้อยู่ อีกทั้งยังไม่พบว่ามีบริษัทประกันภัยอื่นมีปัญหาในลักษณะดังกล่าว แต่จะเชิญคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัทมาชี้แจง พร้อมทั้งให้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย นอกจากนี้ได้กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นไว้อย่างเป็นระบบและขั้นตอน โดยจะเริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนัก หากพบว่าบริษัทมีพฤติการณ์ที่เป็นเหตุก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน จะเร่งใช้มาตรการทางกฎหมายโดยเคร่งครัดอย่างรวดเร็ว เพื่อมิให้ปัญหาลุกลามบานปลาย
https://ift.tt/3hRO81X
รถประกัน
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ได้รับ ATK แล้ว วอนรีบตรวจ-แจ้งผล บริษัทประกันโละพนักงาน เอามาจ่ายสินไหม - ไทยรัฐ"
Post a Comment