
ส.อ.ท.เผยก.ค.ผลิตรถยนต์ได้ 122,852 คัน ย้ำเป้า 1.55-1.6 ล้านคันปีนี้ ด้านยอดขายก.ค.อยู่ที่ 52,422 คัน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังพบลูกค้าเลื่อนรับรถ-ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง เหตุมาตรการล็อกดาวน์ ลูกค้ากังวลรายได้ในอนาคต ขณะที่ส่งออก 70,590 คัน จับตาชิพ-ชิ้นส่วนขาดแคลน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนก.ค. อยู่ที่ 122,852 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 37.52% จากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า แต่ลดลงจากช่วงเดือนก่อนหน้า 8.49% และถือเป็นระดับต่ำสุดในปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ส่วนใหญ่พบกับปัญหาขาดแคลนชิพที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญและชิ้นส่วนยานยนต์บางชิ้นในการผลิต จึงต้องชะลอการผลิตรถยนต์บางรุ่น
ขณะที่ยอดการผลิตในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีทั้งสิ้น 967,453 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 39.11% ส่งผลให้ทั้งปีนี้คาดว่าการผลิตรถยนต์จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ 1.55-1.6 ล้านคัน
สำหรับยอดขายในประเทศในเดือนก.ค. อยู่ที่ 52,442 คัน ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.62% และลดลงจากเดือนก่อนหน้า 15.08% เพราะมีการล็อกดาวน์ตั้งแต่กลางเดือนก.ค. ประกอบกับลูกค้าระมัดระวังการใช้เงิน มีการยกเลิกการจองรถ หรือเลื่อนการรับรถออกไป รวมทั้งการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน สะท้อนจากยอดการปฏิเสธสินเชื่อมีถึง 50% ของยอดขอสินเชื่อ
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการชะลอการผลิตรถยนต์รุ่นที่นิยมจากการขาดแคลนชิพและชิ้นส่วนรถยนต์จากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์
ด้าน 7 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายทั้งสิ้น 425,633 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีกอ่น 9.71% และทั้งปีคาดว่ายอดขายในประเทศจะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 750,000 คัน แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามในเรื่องชิพคลาดแคลน และการคลายล็อกดาวน์ในประเทศด้วย ซึ่งหากรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จะทำให้ประชาชนเริ่มผ่อนคลายและกล้าใช้เงินมากขึ้น รวมถึงสถาบันการเงินจะผ่อนคลายการให้สินเชื่อมากขึ้นด้วย
"ตอนนี้ต้องติดตามเรื่องชิพคลาดแคลน และมาตรการล็อกดาวน์ หากยังล็อกดาวน์ต่ออาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มมากขึ้น เพราะตอนนี้ไฟแนนซ์ที่ปล่อยสินเชื่อรถยนต์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ยอดปฏิเสธสินเชื่อก็มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ลูกค้าเองก็เลื่อนการรับรถออกไป เพราะกังวลกับรายได้ในอนาคต ทำให้ยอดขายในประเทศในเดือนก.ค. เห็นผลกระทบค่อนข้างมาก"นายสุรพงษ์ กล่าว
ด้านการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนก.ค. อยู่ที่ 70,590 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.42% เพราะฐานต่ำในปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้า 14.97% โดยส่งออกลดลงในบางทวีป เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศคู่ค้าลดลง ซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 43,430 ล้านบาท อย่างไรก็ตามประเทศคู่ค้าได้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์เกือบเป็นปกติแล้ว จึงทำให้การส่งออกเครื่อยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น
ส่วน 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 544,079 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.98% และทั้งปีนี้คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายที่ 800,000-85,000 คันได้ แต่ทั้งนี้ คงต้องติดตามการขาดแคลนชิพและชิ้นส่วนด้วย ซึ่งอาจทำให้ยอดการส่งออกอาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
"โอกาสที่จะไปได้ถึง 900,000-950,000 คัน มันก็มีหากสถานการณ์ดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังมีความกังวลในเรื่องของการขาดแคลนชิพที่อาจจะลากยาวไปถึงปีหน้า ทำให้การผลิตไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มโรงงานบางแห่ง ทั้งในประเทศและเพื่อนบ้านด้วย ทำให้ส่งชิพหรือชิ้นส่วนไม่ได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป"นายสุรพงษ์ กล่าว
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ส.อ.ท.เผย ส่งออกรถยนต์ ก.ค. อยู่ที่ 70,590 คัน จับตาชิปขาดแคลน - efinanceThai )https://ift.tt/3gyC9Wd
รถยนต์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ส.อ.ท.เผย ส่งออกรถยนต์ ก.ค. อยู่ที่ 70,590 คัน จับตาชิปขาดแคลน - efinanceThai"
Post a Comment