ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ขับขี่รถยนต์ คือการตรวจสอบรถยนต์ให้มีความพร้อม สำหรับการเผชิญกับฝนที่ตกลงมาในระหว่างขับรถได้อย่างปลอดภัย ส่วนไหนของรถที่เราควรใส่ใจตรวจสอบเป็นพิเศษ เพื่อให้พร้อมขับรถลุยฝน
ตรวจสอบระบบปัดน้ำฝน
ระบบปัดน้ำฝน สิ่งสำคัญคือควรเปลี่ยนยางปัดเป็นประจำทุกปี เพราะยางปัดน้ำฝนของรถในเมืองร้อนอย่างไทยจะเสื่อมสภาพเร็ว ลักษณะใบปัดน้ำฝนที่เสื่อมสภาพแล้ว เวลาปัดจะมีคราบน้ำเป็นเส้นๆ ที่กระจก ปัดแล้วไม่สะอาด มีเสียงดัง ควรรีบเปลี่ยนทันทีเพื่อป้องกันกระจกเป็นรอย
วิธีหลบเลี่ยงฟ้าผ่าเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง
กทม.ลอกคลอง-ตั้งเครื่องสูบน้ำ รับมือฝนตกน้ำท่วม

นอกจากนี้ ควรตรวจสอบสวิทช์ควบคุมระบบปัดน้ำฝนว่าทำงานปกติหรือไม่ โดยดูอัตราความเร็วในการปัด และตรวจสอบหัวฉีดน้ำและหม้อพักสำหรับเก็บน้ำฉีดกระจกว่ามีปริมาณน้ำมากพอหรือไม่ ซึ่งหากหัวฉีดอุดตันให้ใช้เข็มเล็กๆ แทงเข้าไปทำความสะอาด และปรับทิศทางให้ไปแนวฉีดน้ำไปที่บริเวณกึ่งกลางกระจก
ตรวจสอบยางรถยนต์
ยางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการขับขี่ในช่วงฤดูฝนมากที่สุด ผู้ขับขี่ต้องตรวจเช็คยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ ซึ่งอายุการใช้งานของยางรถยนต์ ส่วนใหญ่ไม่ควรใช้งานเกิน 2 ปี หรือที่ระยะทางประมาณ 50,000 กม. และควรสับเปลี่ยนยางรถยนต์ในการตรวจเช็คตามระยะ ทุกๆ 10,000 กม.
ผู้ขับขี่สามารถตรวจสอบสภาพยางเบื้องต้น โดยดูจากเนื้อยางที่ต้องไม่แข็ง และดอกยางไม่สึกต่ำกว่าขีดบอกระดับต่ำสุด ขณะที่หน้ายางต้องลึกไม่น้อยกว่า 3 – 4 มิลลิเมตรเป็นอย่างต่ำ หากยางมีสภาพไม่พร้อมใช้งาน ควรทำการเปลี่ยนใหม่เพื่อความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังต้องเติมลมยางสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และควรตรวจสอบยางอะไหล่ให้พร้อมใช้งานด้วย
ตรวจสอบผ้าเบรก น้ำมันเบรกและช่วงล่าง
ผ้าเบรกและน้ำมันเบรกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้รถไม่ลื่นไถลบนถนนที่เปียกน้ำฝน จึงควรตรวจสอบน้ำมันเบรกเป็นประจำทุกสัปดาห์ ดูว่ามีสีดำเข้มแล้วหรือไม่ หากเป็นสีดำเข้มควรรีบเปลี่ยนทันที หรือเปลี่ยนในการนำรถเช็กระยะ ทุกๆ 50,000 กม. หรือไม่ควรเกิน 2 ปี
นอกจากนี้ ยังควรตรวจสอบท่อน้ำมันเบรกว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ และควรหมั่นสังเกตลักษณะในระหว่างเหยียบเบรก ว่ามีเสียงดังผิดปกติจากผ้าเบรกใกล้หมดหรือเบรกไม่อยู่หรือไม่ โดยรถรุ่นใหม่บางรุ่นจะมีไฟเตือนบนหน้าปัด ซึ่งหากพบสิ่งผิดปกติ หรือเกินระยะใช้งานแล้ว ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการหรืออู่รถเพื่อรีบแก้ไขโดยด่วน
ส่วนช่วงล่างนั้นให้ดูที่ยางหุ้มแร็ค ยางหุ้มเพลาและโช๊คอัพ หากมีรอยฉีกขาดหรือมีคราบน้ำมันรั่วซึมควรเปลี่ยนทันที เพราะโคลน หิน ดิน ทรายต่างๆ จะเข้าไปทำความเสียหายได้ง่ายขึ้น ในเวลาที่เราขับลุยน้ำ
ตรวจสอบเครื่องยนต์
การขับขี่รถยนต์ช่วงหน้าฝน มีโอกาสที่จะเผชิญภาวะรถติดนานกว่าปกติ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้และไม่เกิดปัญหาในระหว่างทาง ซึ่งควรเริ่มตรวจจากของเหลวต่างๆ ของเครื่องยนต์ ทั้งน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ โดยดูจากก้านวัดว่ายังอยู่ในระดับปกติหรือไม่ และควรเปลี่ยนถ่ายของเหลวเหล่านี้ตามระยะการใช้งาน
นอกจากนี้ควรตรวจสอบรอยรั่วซึมตามซีนเครื่องยนต์ ซีนเกียร์และรอยต่อต่างๆ รวมถึงดูที่ใต้ท้องรถว่ามีคราบน้ำมันหยดหรือไม่ หากมีการรั่วซึ่มให้รีบซ่อมแซมทันที
ตรวจสอบระบบไฟส่องสว่าง
ระบบไฟส่องสว่างต่างๆ ของรถยนต์ เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ต้องตรวจสอบให้มีความพร้อมใช้งาน โดยเฉพาะในการขับขี่ท่ามกลางสายฝน ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก ซึ่งผู้ขับขี่ควรตรวจเช็คว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และทำความสะอาดคราบสกปรก หรือหากพบหลอดไหนชำรุดก็ควรรีบเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เพื่อความสว่างและเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถเราได้ชัดขึ้นด้วย
https://ift.tt/3khSRfp
รถยนต์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "5 สิ่งสำคัญ สำหรับการตรวจเช็กรถยนต์ให้พร้อมในช่วงหน้าฝน - pptvhd36.com"
Post a Comment