บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีฯ ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อแบรนด์ “เงินติดล้อ” กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 10 พ.ค.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย จึงได้สรุปข้อมูลที่สำคัญจากแบบไฟลิ่ง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของนักลงทุน
1.ประกอบธุรกิจ ให้บริการสินเชื่อ เช่าซื้อ นายหน้าประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต และบริการที่เกี่ยวเนี่องอื่น ๆ
ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันแบบครบวงจร (รถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบรรทุก รถไถ และรถแทรกเตอร์) สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันภัยและประกันชีวิต ภายใต้ชื่อแบรนด์ “เงินติดล้อ” ซึ่งเป็น Non-bank ที่ ธปท. กำกับดูแล
ปัจจุบัน “เงินติดล้อ” ให้บริการ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่
1. ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจร ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 (คำนวณจากยอดหนี้คงค้างในปี 62)
2. ธุรกิจนายหน้าประกันภัย ซึ่งติดอันดับ 1 ใน 3
มีช่องทางให้บริการที่หลากหลาย ผ่านสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ครอบคลุม 74 จังหวัด
2.ขายไอพีโอจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,043.54 907.42 หุ้น (รวมจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 136.11 ล้านหุ้น)
เสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 907,428,600 หุ้น คิดเป็น 39.1% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
ประกอบด้วย
(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ขายโดยเงินติดล้อไม่เกิน 210,816,700 หุ้น
(2) หุ้นสามัญเดิมที่ขายโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาไม่เกิน 284,144,300 หุ้น
(3) หุ้นสามัญเดิมที่ขายโดย Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. ไม่เกิน 412,467,600 หุ้น
มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) 136.11 ล้านหุ้น คิดเป็น 15% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด
3.เคาะราคาไอพีโอ 36.50 บาท คิดเป็น P/E ที่ 32.6-35 เท่า
กำหนดช่วงราคาเสนอขายที่ 34-36.50 บาทต่อหุ้น หากดูกำไรสุทธิปี 63 ที่ 2,416 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.04 บาทต่อหุ้น และอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น ( P/E Ratio) ประมาณ 32.60–35 เท่า
เทียบ P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันสำหรับธุรกิจสินเชื่อ เฉลี่ย 27.4 เท่า และสำหรับธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต เฉลี่ย 37.7 เท่า โดยอ้างอิงข้อมูลในช่วงระยะเวลา 180 วันย้อนหลังล่าสุดนับจาก 31 มี.ค.64
ธุรกิจให้สินเชื่อ
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) มี P/E Ratio เท่ากับ 25.2 เท่า
บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) มี P/E Ratio เท่ากับ 19.7 เท่า
บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) มี P/E Ratio เท่ากับ 35.1/3 เท่า
บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) มี P/E Ratio เท่ากับ 27.9 เท่า
บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) มี P/E Ratio เท่ากับ 12.6 เท่า
ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยและประกันชีวิต
บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) มี P/E Ratio เท่ากับ 53.7 เท่า
ขายหุ้นไอพีโอ : จำนวน 907.42 ล้านหุ้น คิดเป็น 39.1% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) 136.11 ล้านหุ้น
มีจำนวนหุ้นหลังเสนอขายไอพีโออยู่ที่ 2,318.98 ล้านหุ้น
เข้าจดทะเบียนด้วยวิธี : เกณฑ์กำไรสุทธิ (Profit Test)
มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) : 3.70 บาท/หุ้น
มูลค่าทางบัญชี : 5.60 บาท/หุ้น ณ ธ.ค.63
เข้าซื้อขายใน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 10 พ.ค.64
หมวดธุรกิจ : กลุ่มธุรกิจการเงิน / เงินทุนและหลักทรัพย์
ที่ปรึกษาทางการเงิน : บล.เกียรตินาคินภัทร
ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย : บล.กสิกรไทย,บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.ไทยพาณิชย์
สัดส่วนการเสนอขายหุ้น
จำนวนหุ้นที่จัดสรรให้รายย่อยผ่านแบงก์ 46.50 ล้านหุ้น หรือ 5.1%
หุ้นส่วนใหญ่จัดสรรให้สถาบันในประเทศรวม 50.2%
สถาบันต่างประเทศรวม 29.4%
บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 8.7%
ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ 1.5%
บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ 1.4%
พนักงานของบริษัทฯ 3.7%
4.มีนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 20% ของกำไรสุทธิ
บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 20% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น
5."เกียรตินาคินภัทร" มีความสัมพันธ์เป็นเจ้าหนี้
บริษัทฯ มีการใช้วงเงินกู้ยืมกับ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97% ของบล.เกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม วงเงินกู้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งมียอดคงค้าง สิ้นปี 63 จำนวน 2,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 7.2% จากยอดเงินกู้ยืมคงค้างจากสถาบันการเงินทั้งหมดของบริษัทฯ โดยหลังจาก 31 ธ.ค.63 บริษัทฯ ได้มีการชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วน ทำให้ยอดคงค้าง ณ วันที่ของเอกสารฉบับนี้เท่ากับ 1,000 ล้านบาท
6.นำเงินระดมทุน ขยายธุรกิจให้สินเชื่อ-นายหน้าประกันภัย

7.อัตรากำไรสุทธิอยู่ 22.9% (สิ้นธ.ค.63)
รายได้และกำไรของ TIDLOR เติบโตต่อเนื่อง
รายได้ของเงินติดล้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงโควิด และยังคงรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับสูง ตั้งแต่ปี 61-63 เป็นดังนี้
|
ปี 61 |
ปี 62 |
ปี 63 |
รายได้(ลบ.) |
7,569.4 |
9,457.9 |
10,558.9 |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
1,306.2 |
2,201.7 |
2,416.1 |
อัตรากำไรสุทธิ(%) |
17.3 |
23.3 |
22.9
|
8.มี IBD/E อยู่ที่ 3.4 เท่า
TIDLOR มีระดับ IBD/E ณ สิ้นปี 63 อยู่ที่ 3.4 เท่า
งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นธ.ค.63 ดังนี้
สินทรัพย์รวม : 53,335.5 ลบ.
หนี้สินรวม : 41,587.0 ลบ.
ส่วนของผู้ถือหุ้น : 11,748.5 ลบ.
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) : 3.4 เท่า
อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) : 4.7%
อัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) : 22.9%
ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) : 15.2%
อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL) : 1.7%
9.หลังไอพีโอ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังถือหุ้นใหญ่ 30%
หลังจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอแล้ว ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังคงสัดส่วนถือหุ้นใหญ่ 30% โดยมีสัดส่วนถือหุ้นหลังไอพีโอดังนี้

10.สัดส่วนหุ้นของ “ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร” ที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 1,043.54 ล้านหุ้น คิดเป็น 45%
ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรกนี้ หุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งเป็นผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ติด Silent Period รวมจำนวน 1,275,441,760 หุ้น คิดเป็น 55% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งแบ่งเป็นหุ้นที่ถือโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ SACA จำนวน 695,695,530 หุ้น และ 579,746,230 หุ้น คิดเป็น 30% และ 25% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ หุ้นของบริษัทฯ ที่ไม่ติด Silent Period มีจำนวน 1,043,542,810 หุ้น คิดเป็น 45% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงหุ้นที่ผู้มีส่วนร่วมในการบริหาร (นอกจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาและ SACA) ได้รับการจัดสรรหุ้นในครั้งนี้ จำนวนรวมไม่เกิน 13,000,000 หุ้น
0 Response to "10 ข้อน่ารู้ "เงินติดล้อ (TIDLOR)" สินเชื่อทะเบียนรถ-นายหน้าประกันภัย - efinanceThai"
Post a Comment