ตลาดยานยนต์บ้านเราปลายปีนี้ คงต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
หลังจากค่ายรถจากจีน กรีธาทัพบุกเข้ามา ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่น ผลิตรถยนต์ใช้น้ำมัน ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ถูกแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่างหนัก
ตอนนี้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมาแรง ทั้งจากปัจจัยเรื่องเทคโนโลยีทันสมัย ไม่เฉพาะรถยนต์ แต่ยังมีสินค้าอีกหลายชนิด บุกเข้ามาแข่งขัน
และไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่ถูกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากจีนกำลังบุกทะลุทะลวง แต่ทั่วโลกก็เจอแบบนี้
ในฐานะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และรัฐบาลที่ผ่านมาให้การสนับสนุน คลอดแผนส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ที่เรียกกันว่า แผน 3.0 ให้ส่วนลดคันละสูงสุด 1.5 แสนบาท จะหมดเขตจองภายในสิ้นปีนี้ แต่รับรถได้ภายในมกราคม 2567
ทำให้ค่ายรถอีวีจากจีนพาเหรดกันเข้ามา ทั้งนำเข้าและเข้ามาตั้งโรงงานประกอบรถอีวีในประเทศไทยกันอย่างคึกคัก
ที่สำคัญ ท่าทีและนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ให้การสนับสนุนรถยนต์อีวีอย่างชัดเจน
เห็นได้จากกรณีค่ายรถเอ็มจีของซีพี นำรถรุ่นใหม่ไปให้นายกฯลองซิ่งถึงในทำเนียบ
ยังมีกรณีนายเศรษฐาขับรถยนต์ไฟฟ้าเทสลาของอีลอนมัสก์ ภรรยา
นายกฯจองไว้ ขับโชว์สื่อ จนถึงขั้นจีบเทสลามาลงทุนประเทศไทย นายกฯให้สัมภาษณ์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เมืองไทย และตอนไปประชุมเอเปคยังตามไปจีบเทสลาถึงซานฟรานซิสโก
แถมชวนมาเที่ยวงานยี่เป็งเชียงใหม่กันอย่างชื่นมื่น ช่วงผู้บริหารเทสลามาเมืองไทย เพื่อดูทำเลตั้งโรงงาน ช่วงลอยกระทง เมื่อไม่กี่วันมานี้
ยิ่งทำให้รถอีวีคึกคักอย่างมาก ทั้งที่ถ้าพูดกันจริงๆ การเปลี่ยนจากรถน้ำมันมาใช้อีวีก็ไม่ง่าย คนใช้งานต้องวางแผนเดินทางใหม่
แต่จนถึงตอนนี้คงไม่ต้องมานั่งเถียงเรื่องไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน รถยนต์อีวีหรือจุดชาร์จแบตเตอรี่ อะไรจะเกิดก่อนกัน
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นทั้งเล็กทั้งใหญ่ รวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการสื่อยานยนต์เมืองไทย ออกมาประสานเสียงฟันธงว่ารถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้เกิดในเมืองไทยง่ายๆ ต้องใช้เวลาอีก
หลายปี เพราะกลัวจะเสียประโยชน์
แต่เมื่อมาเจอของจริง การพัฒนาเทคโนโลยีของจีนอย่างรวดเร็ว มาตรฐานสินค้าดีขึ้นเรื่อยๆ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในรถทันสมัย
เหมือนเมื่อก่อนเราเคยใช้มือถือแบบกดปุ่ม พอมาเป็นทัชสกรีน ระบบจอสัมผัส ชีวิตเปลี่ยนทันที
ตอนนี้ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมาแล้ว “อั๊วะมาเลี้ยว” ทำให้ธุรกิจชาร์จแบตเตอรี่ขยายตัวตามแทบจะไม่ทัน เร่งกระจายไปทั่วประเทศกันอยู่ตอนนี้
ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าค่ายไหนจะพัฒนาแบตเตอรี่ได้เจ๋งกว่ากัน
แต่ในขณะที่ค่ายรถยนต์จากจีนกำลังสนุกสนานกับการขายรถอีวี
หันมาดูทางค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น แต่ละรายส่ออาการไม่ค่อยดี โดนหลายเด้ง หลายค่ายกำลังเมาหมัด บางยี่ห้อไม่มีรถใหม่ แต่ก็หาทางรอดถึงขั้นดัดแปลงเป็นรถส้วมเอาไว้บริการดาราดังๆ
เพราะต้องเจอศึกหนัก ทั้งสู้รถจีน มาเจอสถานการณ์หลังโควิดเกิดปัญหาชิปขาดแคลน วัตถุดิบราคาพุ่งพรวด เงินเฟ้อทั่วโลก หนี้ครัวเรือนพุ่งปรี๊ด รายได้ถดถอย กำลังซื้อหดหาย รถปล่อยยึดเพียบ แบงก์ชาติเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อยานยนต์ ทำให้ยอดขายดิ่ง
ไม่ใช่ว่าจะนิ่งเฉย ค่ายรถญี่ปุ่นก็พยายามปรับตัวรับมือสู้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้
บางยี่ห้อไม่มีรถใหม่ แต่ก็พยายามดิ้นรน หาทางรอด บางรายดัดแปลงเป็นรถส้วมเอาไว้บริการดาราดังๆ ก็ต้องยอมรับในการสู้ไม่ถอย
ค่ายญี่ปุ่นก็พยายามพัฒนารถยนต์อีวีเช่นกัน แต่ดูเหมือนระยะเวลาผ่านไป ค่ายรถยนต์อีวีจากจีนแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าทุกอย่างมาตรฐานการผลิต ตามกันไม่นานก็ทัน
และรัฐบาล โดยนายเศรษฐาก็ไม่ได้ทอดทิ้ง ออกมาบอกหลายครั้งว่า ค่ายรถยนต์สันดาป โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเป็นผู้มีพระคุณกับประเทศไทย ลงทุนมานาย จะต้องดูแลไปอีกอย่างน้อย 15 ปี
แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรให้เห็น มีเพียงการต่ออายุโครงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์อีโคคาร์ แทบจะมีผลกระตุ้นตลาดน้อยมาก หากเทียบกับการส่งเสริมรถอีวี
แต่ก็เชื่อว่ารัฐบาลเศรษฐากำลังจะมีข่าวดีให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์จากญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ที่ยังคงผลิตรถยนต์ใช้พลังงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้าแน่นอน
อาการค่ายรถญี่ปุ่นเห็นได้ชัด จากงานมหกรรมยานยนต์ หรือมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.66 ที่ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จัดรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 ที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเทศกาลขายรถประจำปี เป็นไฮซีซั่นตลาดรถยนต์
มีเรื่องพูดกันถึงขั้นว่า เป็นงานชี้ชะตาของผู้บริหารหลายค่ายรถ เพราะทั้งปีขายไม่ได้ตามเป้า ผู้บริหารมีหนาว เก้าอี้ร้อนแน่ จึงเป็นที่มาของความสงสัยว่า ยอดจองที่ค่ายรถแจ้งในงานกับขายได้จริง ใช่หรือไม่
งานนี้ทั้งค่ายรถจีนและญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลี ต่างออกอาวุธ งัดกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้ากันสุดสะวิง ใส่กันไม่ยั้ง ทั้งรถรุ่นใหม่ และแคมเปญแรงๆ
และไม่ใช่แค่ในงาน แต่ที่โชว์รูม หรือทางออนไลน์ก็ได้เงื่อนไขเดียวกัน รวมถึงรถจักรยานยนต์ด้วยเช่นกัน
เมื่อก่อนเราแทบจะไม่ได้เห็นแคมเปญแรงๆ จากค่ายญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ แต่ปีนี้ออกอาวุธกันเต็มที่ แถมเงื่อนไขจูงใจแบบไม่ยั้ง
ส่วนค่ายรถอีวีจากจีน งัดวิชากำลังภายใน บุกถล่มหนัก มีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ทยอยออกมาเรื่อยๆ และไม่ได้มามือเปล่า แต่มีแคมเปญดุๆ โปรโมชั่นแรงๆ มาฝากติดไม้ติดมือมาอีกต่างหาก เช่น ประกันภัย ชั้น 1 ได้ 2 ปี
แบบนี้ค่ายรถญี่ปุ่น พลิกตำราซามูไรรับแทบไม่ทัน จึงเป็นที่มาของเสียงสะท้อนของผู้บริหารค่ายญี่ปุ่นเรียกร้องถึงรัฐบาลเร่งช่วยเหลือโดยด่วน
เพราะอีวีได้ส่วนลดปีนี้คันละ 1.5 แสน ปีหน้า 1 แสน ค่ายรถญี่ปุ่นก็อยากจะได้บ้าง
แต่ที่ผ่านมาเสียงสะท้อนถึงรัฐบาลไม่หนักแน่น เพราะค่ายรถญี่ปุ่นแต่ละค่าย มีเทคโนโลยีต่างกัน บางรายไม่มีไฮบริด บางค่ายมีแต่ดีเซล
ดังนั้น ถ้าจะช่วย จะต้องช่วยลดภาษี ที่ต้นทาง เพราะจะได้เหมือนกันทุกค่าย
ทำให้นึกย้อนไปถึงสมัยนายกฯยิ่งลักษณ์ ทำโครงการรถคันแรก โดนวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการบิดเบือนตลาด เอาความต้องการอนาคตมาใช้ล่วงหน้า ทั้งที่ช่วยกระตุ้นตลาด
เพราะอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมหลัก สร้างงานสร้างเงินได้อันดับ 1 ของประเทศ
ถ้ามองถึงสถานการณ์ขณะนี้ ประเทศไทยควรเดินหน้าอย่างไร
ในขณะที่เรากำลังเร่งลดควันพิษจากรถยนต์ รัฐบาลก็น่าจะเปิดโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ จูงใจให้รถอายุเยอะๆ วิ่งปล่อยมลพิษมากมายบนท้องถนนตอนนี้ มาเปลี่ยนใช้รถรุ่นใหม่ จะใช้เทคโนโลยีอะไรก็ได้ ไม่รวมไฟฟ้า เปลี่ยนมาใช้รถรุ่นใหม่ๆ เน้นปล่อยมลพิษให้น้อยที่สุด
สนับสนุนทั้งรถไฟฟ้าและรถสันดาป และอื่นๆ ให้แข่งขันอย่างเป็นธรรมเท่าเทียมกัน ถึงที่สุดประโยชน์จะตกอยู่กับผู้บริโภค มีทางเลือกมากขึ้น ราคาถูกลง ลดควันพิษมากขึ้น
ช่วยกันคนละไม้ละมือแบบนี้ รัฐบาลว่าไงดี?
นายพล
อ่านบทความและอื่น ๆ ( ตลาดรถยนต์ระอุ อีวีจีนถล่มค่ายญี่ปุ่น - มติชน )https://ift.tt/rumIN8G
รถยนต์
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ตลาดรถยนต์ระอุ อีวีจีนถล่มค่ายญี่ปุ่น - มติชน"
Post a Comment