Search

จับตาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแข่งดุ แบรนด์จีนชิงส่วนแบ่งตลาด 85% - PPTVHD36

ข่าว
เผยแพร่: 3.19k

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยปี 2566 โตแตะ 5 หมื่นคัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เทียบปี 2565

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% (BEV) ในปี 2566 ว่า จะมีโอกาสที่จะมีตัวเลขแตะระดับ 50,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 270% เมื่อเทียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 13,454 คัน แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะมีปัจจัยกดดันอยู่บ้าง ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์ไฟฟ้า BEV จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 5.8% ของภาพรวมตลาดรถยนต์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8.65-8.95 แสนคัน 

บีเอ็มดับเบิลยู กวาดส่วนแบ่งตลาด 46% ครองแชมป์รถพรีเมียม 3 ปีซ้อน

" 3 เรื่องควรคิด" ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อรถอีวี

ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในไทย แนวโน้มเติบโตไวแต่ 'ไม่ง่าย'

ทั้งนี้ ในปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้า 100% สัญชาติจีนจะเข้ามีบทบาทส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 85% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวม จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 78% 

ด้านการแข่งขันของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก การเปิดตัวแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ลงสู่ตลาด รวมถึงความรู้ความเข้าใจของผู้บริโภคในด้านการรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ในด้านรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยมองว่าบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าที่จะประสบความสำเร็จในไทยอาจต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง มีการลงทุนเรื่องการบริการหลังการขาย การซ่อมบำรุงและจัดหาอะไหล่ได้รวดเร็ว น่าเชื่อถือและทั่วถึง 

สำหรับ ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคือ ระบบ Ecosystem ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคหลังมีการเคลมปัญหาชิ้นส่วนและการใช้งานบ่อยขึ้น รวมถึงประเด็นการรออะไหล่ที่ยาวนานเนื่องจากยังไม่มีฐานผลิตในไทย ประกอบกับเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วงฟื้นตัว ซึ่งแรงหนุนหลัก มาจากทั้งปัจจัยด้านอุปสงค์จากความต้องการรถยนต์ BEV ที่ยังอยู่ในระดับสูงของผู้บริโภค อันเป็นผลของ มาตรการกระตุ้นด้านราคาที่ถูกจุดจากทางภาครัฐ และ การเร่งกระจายจุดชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน 

ประกอบกับ ปัจจัยด้านอุปทาน โดยมีสัญญาณบวกจาก สถานการณ์การขาดแคลนชิปในการผลิตรถยนต์ที่เริ่มคลี่คลายขึ้นตามลำดับทำให้โอกาสส่งมอบรถยนต์ทำได้ดีขึ้น และ ค่ายรถต่างส่งสัญญาณบุกตลาดมากขึ้นในไทย ไม่ว่าจะจากจีน ตะวันตก ญี่ปุ่น หรือแม้แต่เกาหลีใต้ โดยเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในไทยปีนี้หลายรุ่นหลาย Segment ตั้งแต่รถยนต์นั่งไปจนถึงรถปิกอัพ ซึ่งจะทำให้มีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นในตลาด 

ขณะที่ ยอดขาย รถยนต์ไฟฟ้า ในจีนลดลงมาก ทำให้จีนมีโอกาสส่งออกมาทำตลาดในไทยแทนมากขึ้น หลังรัฐบาลกลางจีนไม่ต่ออายุมาตรการให้เงินอุดหนุนในการซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ ปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ในด้านหนึ่ง ช่วยสนับสนุนให้ผู้ซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า ในไทยมีตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงสภาวะการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่คงจะรุนแรงขึ้น

ในช่วงที่ผ่านมา มาตรการสนับสนุนของทางการจีน มีส่วนอย่างมากในการผลักดันให้เกิดการเติบโตของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (New Energy Vehicles: NEVs) ในจีน โดยมีการลงทุนของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในจีนมากมาย และมีการก่อตั้งบริษัท Startup ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าถึงมากกว่า 300 บริษัท ซึ่งเมื่อจีนไม่ต่ออายุมาตรการสนับสนุนที่ได้สิ้นสุด ณ ปลายปี 2565 จึงส่งผลให้เกิดภาวะกำลังการผลิตส่วนเกินของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตของรถยนต์ไฟฟ้ารวมทุกบริษัทในจีนปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ราว 60% เท่านั้น สะท้อนว่าค่ายรถต่าง ๆ อาจจำเป็นต้องปรับตัวขนานใหญ่ และทำให้สภาพการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนทวีความรุนแรงขึ้น 

ดังนั้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงหลังตลาดรถยนต์ในจีนเริ่มหดตัวลง สะท้อนจากยอดขาย NEV ที่ปรับลงแรงในเดือนมกราคม 2566 หลายค่ายในจีนได้มีการปรับกลยุทธ์ ทั้งด้วยการลดราคาลงเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด รวมถึงการเร่งส่งออกไปต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงกว่าช่วงเวลาปกติ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ค่ายรถผลักรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตได้เกินกว่าความต้องการในจีนออกไปแล้ว อีกด้านก็ช่วยพยุงรายได้ของค่ายรถที่กำลังเผชิญกับปัญหาการแข่งขันกันลดราคาในจีนด้วย 

เห็นได้ชัดจากเดือนมกราคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่า การส่งออกรถยนต์ NEV ของจีนได้ขยับขึ้นอย่างรวดเร็วมามีส่วนแบ่งถึง 22% ของจำนวนรถยนต์ NEV ที่ขายได้ทั้งหมดของจีน โดยเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ยที่ 9% ในปีที่แล้ว ซึ่งไทยในฐานะหนึ่งในตลาดส่งออกหลักของจีนนั้น บางค่ายจีนที่ทำตลาดในไทยก็มีการเปิดรับจองรถยนต์ BEV รอบใหม่ รวมถึงผู้ที่เคยสั่งจองไปก่อนหน้าก็รับรถได้เร็วขึ้นเช่นกันในช่วงนี้ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การแข่งขันของตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในไทย มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นอีก จากจำนวนผู้เล่นที่มีแนวโน้มหนาตามากขึ้น เนื่องจากคาดว่าจะยังมีค่ายรถในจีนอีกหลายแบรนด์ที่อาจมีแผนรุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ ขณะเดียวกันก็เพื่อบริหารจัดการอัตรากำลังการผลิตส่วนเกินในจีนด้วย และเมื่อผนวกกับการที่ค่ายรถสหรัฐฯที่ใช้สิทธิ FTA นำเข้าจากจีนมาไทยและกำลังเตรียมจะเข้ามาลุยตลาด รถยนต์ไฟฟ้า ในรุ่นตลาด Mass แล้ว ก็ยังมีค่ายรถญี่ปุ่นที่ถึงแม้จะเข้ามาลุยตลาดช้าแต่ก็มีพื้นฐานเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในกลุ่มผู้บริโภคไทยมานาน ตลอดจนค่ายเกาหลีและตะวันตกที่ก็เป็นที่รู้จักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกที่กำลังจะตามเข้ามาทำตลาดด้วย 

อย่างไรก็ดี หากประเมินจากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังซื้อของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศยังมีความไม่แน่นอนแล้ว ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าค่ายจีนที่เน้นจับตลาด Mass ด้วยระดับราคาต่ำกว่าค่ายรถสัญชาติอื่นชัดเจน และปัจจุบันยังสามารถส่งมอบ รถยนต์ไฟฟ้า ถึงมือลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าอดีต น่าจะส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าของค่ายจีนในไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะนี้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าน่าจะมีโอกาสที่สัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า ของค่ายจีนในปี 2566 อาจเพิ่มขึ้นเป็น 85% ต่อยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวม จากปี 2565 ที่สัดส่วนอยู่ที่ 78%  

ในปี 2565 ที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงการเข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในหลายรูปแบบในไทย ซึ่งทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดขึ้นมากและยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังอยู่ในระยะเริ่มต้น ทำให้ตลาดยังเปลี่ยนแปลงได้อีกมากหรือมี Dynamic สูง โดยแม้รถยนต์ BEV ของค่ายจีนจะเข้ามาบุกชิงส่วนแบ่งตลาดไปก่อน แต่การเข้ามารุกตลาดของค่ายรถจีนและทุก ๆ ค่ายในระยะต่อจากนี้ไปอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มจะพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ มากขึ้น หลังมีข้อมูลใหม่ ๆ ผ่านผู้ที่มีประสบการณ์การใช้รถยนต์ BEV ในรุ่นก่อนเข้ามาให้พิจารณาตลอด ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ค่ายรถยนต์ BEV ที่น่าจะได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นค่ายรถที่มีแบรนด์อิมเมจในตลาด BEV ที่เข้มแข็ง รวมถึงมีการลงทุนในเรื่องของเครือข่ายการบริการและซ่อมบำรุงที่น่าเชื่อถือและทั่วถึง เพราะรถยนต์เทคโนโลยีใหม่อย่าง BEV ยังไม่เป็นที่มักคุ้นในตลาดวงกว้างนัก ซึ่งการที่บางค่ายรถมีการตั้งโรงงานในไทยก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคได้มากในเรื่องบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงและหาอะไหล่ทดแทน ซึ่งผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มาก 

สำหรับการเข้ามาลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้น ค่ายรถแต่ละค่ายคงต้องชั่งน้ำหนักปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม ทั้งระดับกำลังการผลิตในแต่ละฐานการผลิตของค่ายรถ ความเชื่อมโยงของการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนตลอดซัพพลายเชน รวมถึงโอกาสของค่ายที่จะสามารถผลิตได้ Economies of scale ในไทยในอนาคต ซึ่งวัดจากโอกาสในการขายรถยนต์ BEV ในประเทศของไทยท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันที่สูงขึ้น และโอกาสในการส่งออกรถยนต์ BEV จากไทย ผ่านการศึกษาแนวโน้มการตอบรับของผู้บริโภคโดยเฉพาะในประเทศที่ใช้รถยนต์พวงมาลัยขวา เป็นต้น ซึ่งเราคงจะได้เห็นความคืบหน้าของการลงทุนผลิตรถยนต์ BEV ในไทยและผลที่จะตามมาต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป โดยเฉพาะสำหรับค่ายรถที่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐ 

เรื่องที่คุณอาจพลาด

วิดีโอยอดนิยม

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( จับตาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแข่งดุ แบรนด์จีนชิงส่วนแบ่งตลาด 85% - PPTVHD36 )
https://ift.tt/UnC4j3M
รถยนต์

Bagikan Berita Ini

0 Response to "จับตาตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแข่งดุ แบรนด์จีนชิงส่วนแบ่งตลาด 85% - PPTVHD36"

Post a Comment

Powered by Blogger.