Search

ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX xDRIVE 40 เค้าแมวไฟฟ้าสุดน่ารัก! - ไทยรัฐ

นานมาแล้ว BMW เคยเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมผู้ผลิตยานยนต์ EV และเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์เจ้าแรกๆ ที่เปิดตัวยานยนต์พลังงานไฟฟ้านั่นก็คือ เจ้าหมู i3 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตตามแผนงานระยะยาวที่ถูกกำหนดเอาไว้นานแล้ว สำหรับการปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลัง จากเชื้อเพลิงไปเป็นไฟฟ้า หลังจากที่ได้ลองขับ i3 รถไฟฟ้าหน้าตาน่ารัก เจ้า i3 พยายามแสดงออกถึงความสามารถของการขับเคลื่อน เป็นรถยนต์พลังงานสะอาดในยุคแรกที่มีประสิทธิภาพดีพอตัวโดยเฉพาะรุ่น range extender มันขับได้ดีและมีระยะทางไฟฟ้าที่น่าพึงพอใจ เป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ของแบรนด์ตราใบพัดที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่หลังจากเปิดตัว i3 แล้ว BMW ก็ไม่ได้ผลิต EV รุ่นอื่นอีกเลยเป็นเวลาเกือบทศวรรษ หลังจากเข็น MINI Cooper SE ออกมาได้ไม่นาน การมาถึงของเอสยูวีรุ่น iX ซึ่งเป็นรถอเนกประสงค์คันโต ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและมีหน้าตาเหมือนนกเค้าแมว iX มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่มีแต่คุณแม่ชาวบาวาเรียเท่านั้นที่จะหลงรัก อารมณ์การขับเคลื่อนของนกเค้าแมวตาหยี ไม่หลงเหลือความเป็น BMW อีกต่อไป มันนิ่มนวล เร่งความเร็วได้พอๆ กับ X5 xDrive 45e และยึดเกาะกับถนนในย่านความเร็วสูงได้ดี แต่ไดนามิกอันแปลกประหลาดของเจ้านกเค้าแมวทำให้บีเมอร์บางคนถึงกับเซ็งในอารมณ์ 

BMW iX เป็นรถ SUV ขนาดใหญ่ที่โอ่อ่าหมาเห่า มีสไตล์ที่จะกลายเป็นตัวแทนของยานยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้าในอนาคตได้อย่างสบายๆ มันใช้เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเจเนอเรชันที่ 5 และดูไม่เหมือน BMW คันอื่นบนท้องถนน แต่ขับได้ดีอย่างน่าทึ่ง ตามธรรมเนียมปฏิบัติเก่าแก่ของ BMW งานตกแต่งภายในเป็นส่วนที่แปลกตาที่สุดที่ลูกค้าจะได้รับ ส่วนจะชอบหรือไม่ชอบงานตกแต่งภายในแบบใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับการทำใจยอมรับสิ่งใหม่ หรือยังคงยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ (ที่คุ้นเคย) ห้องโดยสารของ BMW ยุคใหม่ที่แฟนคลับเก่าแก่ จะต้องสร้างความคุ้นเคยและทำใจยอมรับ อย่างน้อยก็อิงจากประสบการณ์ส่วนตัวจากการทดลองขับนานสามวัน เนื่องจาก iX จะทำให้คุณและผู้โดยสารรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในรถยนต์ต้นแบบแนวคิดที่ไม่ใช่รุ่นโปรดักชั่น สำหรับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า BMW electric power train gen 5 เพิ่มระยะทางของการใช้งานแม้จะเป็นรุ่นต่ำสุด (xDrive 40) 

iX ใช้โครงสร้างน้ำหนักเบา Carbon Cage คล้ายกับ BMW i7 ด้วยการนำวัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างหลัก นอกจากนั้นยังใช้เหล็กและอะลูมิเนียม ในส่วนที่ต้องการความแข็งแกร่งสูงสุด ทั้งหมดมีต้นแบบมาจาก BMW i3 BMW Series-7 G11/12 และ i8 เป็นนวัตกรรมที่ BMW เรียกว่า efficient lightweight 

BMW iX xDrive40 คันทดสอบ ราคา 4,999,000 บาท มีกำลังประมาณ 240 กิโลวัตต์ หรือ 326 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม BMW เคลมว่า สามารถทำระยะทางได้ 420 กิโลเมตร แต่ลองวิ่งจริงทำได้ประมาณ 375 กิโลเมตร การส่งมอบพลังงานในรูปของแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (หน้า-หลัง) เกิดขึ้นในฉับพลันทันที ให้ประสิทธิภาพที่เยี่ยมยอดในด้านอัตราเร่ง ตัวเลขการใช้พลังงานไฟฟ้ารวมน้อยกว่า 20 กิโลวัตต์ชั่วโมง ต่อ 100 กิโลเมตร สำหรับ BMW iX xDrive40 

เทคโนโลยีชาร์จไฟแบบใหม่ของ BMW iX กับการชาร์จด้วยไฟกระแสตรงแบบชาร์จด่วน หรือ DC สามารถอัดไฟเข้าแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วด้วยพลังการชาร์จที่สูงมาก ความสามารถในการชาร์จสูงสุด ของ iX xDrive40 คือ 150 กิโลวัตต์ ซึ่งหมายถึงการเสียบปลั๊กรถเข้ากับตู้ชาร์จในสถานีชาร์จเร็วเป็นเวลาสิบนาทีจะเติมพลังงานให้เพียงพอไปอีก 90 กิโลเมตร ประจุไฟฟ้าของแบตเตอรี่แรงดันสูง สามารถเพิ่มจาก 10 เป็น 80 เปอร์เซ็นต์ ภายในเวลาไม่เกิน 40 นาที

ห้องโดยสารของ BMW iX คัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เพิ่มปัจจัยความยั่งยืน ด้วยองค์ประกอบสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากร การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในการผลิต และความเหมาะสมสำหรับการรีไซเคิล สัมผัสโครเมียมเพียงจุดเดียวภายในห้องโดยสาร ในตราสัญลักษณ์ BMW บนพวงมาลัย แผงควบคุมบนคอนโซลกลางที่ทำจากไม้ที่ปลูกอย่างยั่งยืน พร้อมใบรับรอง FSC ที่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ ผ้าทวิสต์เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดงานตกแต่งภายใน Loft Stone Grey ทำจากเส้นใยขนสัตว์ธรรมชาติ เบาะหนังแปลกตามีรูปทรงและโทนสีคล้ายเก้าอี้พักผ่อนภายในบ้าน iX ใช้วิธีการผลิตวัสดุภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และใช้วัสดุนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ แมกระทั่งสารสกัดจากใบมะกอก ยังถูกนำมาใช้รักษาหนังแทนสารฟอกหนังธรรมดา ซึ่งได้มาจากใบมะกอกที่เก็บรวบรวม หลังจากการตัดแต่งกิ่งประจำปีของต้นไม้ในสวนมะกอกของยุโรป

วัสดุปูพื้นและพรมใน BMW iX ทำจากเส้นด้ายสังเคราะห์ ที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ไนลอนรีไซเคิลถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ รวมถึงอวนจับปลาที่กู้คืนจากทะเล พร้อมกับขยะที่เหลือจากการผลิตพลาสติก ของเสียเหล่านี้จะถูกป้อนกลับเข้าสู่วัฏจักรของวัสดุที่ใช้ซ้ำได้ สำหรับวัสดุรีไซเคิลจะถูกตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีก่อน แล้วจึงผ่านกระบวนการทางเคมีอีกครั้ง เพื่อผลิตเม็ดไนลอนแล้วนำมาแปรรูป Econyl สำหรับทำวัสดุปูพื้นและพรมในรถยนต์ BMW iX ช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ Econyl ยังช่วยลดการปล่อยมลพิษที่ทำลายสภาพอากาศ กระบวนการผลิตพลาสติกรีไซเคิลของ iX มีการปล่อย CO2 น้อยกว่าการผลิตพลาสติกทั่วไปประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ของไนลอนจากปิโตรเลียม

นอกจากนี้ ยังมีวัสดุรีไซเคิลคุณภาพสูงอีกเพียบ ส่วนประกอบใน BMW iX มีวัสดุรีไซเคิลคิดเป็นกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณเทอร์โมพลาสติกในรถยนต์โดยรวม โครงสร้างพื้นฐาน ของแผงประตู ฝาครอบ แผงครอบ แผงกั้นกันชน กันชนหน้า ทำมาจากการนำพลาสติกเก่ากลับมาใช้ใหม่ ท่อดักส์ของ BMW iX ผลิตขึ้นโดยใช้ พลาสติกรีไซเคิล ระหว่าง 60 ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ฝาประตูท้ายทำจากวัสดุรีไซเคิล ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ BMW iX แต่ละคันประกอบด้วยวัสดุรีไซเคิลประมาณ 60 กิโลกรัม

หน้าจอภายในรถยนต์ BMW ยุคใหม่กับระบบปฏิบัติการ Operating System 8 ประกอบไปด้วยหน้าจอโค้ง (BMW Curved Display) ควบรวมทั้งหน้าจอภาพมาตรวัดที่ให้ข้อมูลความเร็ว สเกลพลังงาน ระบบนำทาง ระบบความปลอดภัยที่เปิดใช้และรายละเอียดข้อมูลของการขับ เชื่อมต่อกับหน้าจอทัชสกรีน จอภาพทรงโค้งที่โคตรจะคมชัดพร้อมกราฟิกใหม่เอี่ยม ให้ความรู้สึกล้ำยุค แต่ยังยึดถือหลักการออกแบบที่เน้นการให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนกับผู้ขับขี่เป็นหลัก หน้าจอโค้งด้วยองศาที่เข้ารับกับมุมสายตาของผู้ขับขี่อย่างเป็นธรรมชาติ โดยจะมีทั้งส่วนที่ให้ข้อมูลหลังพวงมาลัยขนาด 12.3 นิ้ว และ ส่วนควบคุมด้วยระบบสัมผัสขนาด 14.9 นิ้ว ที่มีการรวมทั้งสองส่วนเข้าเป็นพาเนลเดียวกัน 

Operating System 8 ระบบผู้ช่วยส่วนตัว หรือ BMW Intelligent Personal Assistant (IPA) ที่มีการปรับปรุงให้สามารถสื่อสารด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติกับมนุษย์มากยิ่งขึ้น มีการใช้ท่าทาง หรือ Gesture ในการตอบสนองได้ และมีความยืดหยุ่นในการสั่งการ รวมถึงมีการแสดงผลที่ใช้ใบหน้ามาช่วยในการสื่อสารกับผู้ขับขี่ได้ ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา BMW ลงทุนจ่ายค่าไฟฟ้าให้กับโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังทางเลือกเพื่อป้อนให้กับโรงงานเป็นเงินมหาศาล ในกรณีของสายการผลิตรถ BMW iX จะใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังน้ำ ซึ่งใช้น้ำจากแม่น้ำ Isar และแม่น้ำ Lech เท่านั้นเพื่อสร้างสายการผลิตคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

ในด้านการผลิตแบตเตอรี่และเซลล์ BMW เซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์ เพื่อให้การรับรองว่าไฟฟ้าที่นำมาใช้ในขั้นตอนการผลิตแบตเตอรี่จะต้องมาจากพลังงานที่สะอาดและมีความยั่งยืน อะลูมิเนียมซึ่งใช้ในส่วนประกอบของเคสแบตเตอรี่ เคสอะลูมิเนียมสำหรับมอเตอร์และระบบขับเคลื่อน และวัสดุน้ำหนักเบา BMW ได้เซ็นสัญญากับซัพพลายเออร์จาก United Arab Emirates ซึ่งใช้ไฟฟ้าโรงงานที่ส่งมาจากฟาร์มโซลาร์ที่ตั้งอยู่ในทะเลทราย BMW คาดว่าเมื่อบังคับใช้สัญญาที่กำหนดให้ใช้พลังสะอาดในการผลิตจะสามารถลด CO2 ในการผลิตรถได้ 2.5 ล้านตัน ภายในระยะเวลา 9 ปี

อุปกรณ์ตกแต่งภายใน ก็ได้มาด้วยวิธีการที่มีการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน ลายไม้ตกแต่งในบางรุ่น ได้มาจากต้นไม้ที่มาจากการเพาะปลูกในแปลงที่ถูกกฎหมาย ผ้าที่ใช้มาจากวิธีการทางธรรมชาติ วัสดุหนังที่มีขั้นตอนการทำสี Tanning ก็เปลี่ยนจากการใช้สารเคมีมาเป็นสารสกัดจากใบมะกอก ซึ่งในยุโรปทุกปีใบมะกอกตามแปลงเกษตรจะร่วงต้องกวาดไปฝังหรือเผาทิ้งอยู่แล้ว พรมที่ใช้ปูพื้น iX ทำมาจากไนลอนรีไซเคิล “ECONYL” ซึ่งบางส่วนก็นำมาจากอวน/แหของชาวประมงที่ถูกทิ้งเป็นขยะในทะเล ส่งไปผ่านขั้นตอนที่ประเทศสโลเวเนีย

สำหรับแร่ธาตุ องค์ประกอบทางเคมี ที่มีความสำคัญต่อการผลิตอุปกรณ์เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อน เช่น โคบอลต์ และลิเทียม BMW เข้าไปเป็นผู้มีบทบาทหลักในการคัดเลือกผู้ป้อนวัตถุดิบ ตรวจสอบคุณภาพโรงถลุงแร่ ไม่ให้มีการใช้แรงงานเด็ก ไม่มีการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น จนสุดท้ายได้แร่เหล่านี้จากออสเตรเลียและโมร็อกโก จากนั้น BMW จะควบคุมขั้นตอนการขนส่งไม่ให้มีการรั่วไหลของกัมมันตภาพหรือสารเคมี ไปยังผู้ผลิตแบตเตอรี่อีกทอดหนึ่ง

ระบบ Brake Energy Regeneration แบบ Adaptive
พลังการคำนวณของสมองกลในรถ BMW iX สามารถเชื่อมต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในรถเพื่อทำงานร่วมกันได้ราวกับสมองและแขนขาของมนุษย์ หลักการแบบเดียวกันนี้ก็ถูกนำมาใช้ในระบบ Brake Energy Regeneration (ระบบหน่วงความเร็วของรถซึ่งนำแรงหน่วงไปสร้างพลังไฟฟ้ากลับสู่แบตเตอรี่) เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการ พฤติกรรมการขับ และสภาพถนนที่ขับ ซึ่งแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละบุคคล

เมื่อใส่เกียร์ D ออกรถ ระบบจะอนุญาตให้รถออกตัวเมื่อถอนเท้าจากเบรก และใช้แรงเบรกเพื่อชะลอหรือหยุดรถตามปกติเหมือนวิธีที่เราขับรถยนต์สันดาปภายใน ระบบ Energy Regeneration จะถูกปรับไปที่โหมด Adaptive ซึ่งรถจะปรับแรงหน่วงตามสถานการณ์ในการขับขี่ และทำงานร่วมกับองค์ประกอบอื่นของรถ เช่น ระบบนำทาง หรือกล้องหน้ารถ

เมื่อขับรถเข้าใกล้ทางแยก ระบบของ iX จะใช้ GPS กับสัญญาณ 5G ร่วมกับแผนที่ในระบบนำทาง เพื่อปรับเพิ่มความหน่วง ช่วยให้รถชะลอความเร็วและนำพลังงานที่ได้กลับสู่แบตเตอรี่ แต่ถ้าหากเมื่อเข้าใกล้ทางแยกจนระบบกล้องหน้ารถสามารถตรวจจับไฟจราจร พบว่าทางเรากำลังได้ไฟเขียว ระบบก็จะสั่งยกเลิกการเพิ่มแรงหน่วงให้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถใช้โมเมนตัมของรถ ประคองความเร็วผ่านแยกไปได้ ทำให้ไม่ต้องมากดคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วใหม่

เมื่อขับอยู่บนทางด่วนด้วยความเร็วคงที่ หากระบบตรวจไม่พบรถวิ่งอยู่ข้างหน้าในระยะใกล้ และคนขับยกเท้าออกจากคันเร่ง รถจะยกเลิกระบบหน่วงทั้งหมด เพื่อให้รถสามารถร่อนต่อไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ (Freewheeling Mode หรือ Glide Mode) ซึ่งทำให้รถไม่มีอาการชะงักเวลายกคันเร่ง สามารถใช้โมเมนตัมของรถพาวิ่งไปได้ไกล ผมสามารถปรับการตอบสนองของระบบสะสมเบรกพลังงาน โดยเลือกปรับแรงหน่วงของระบบ Regeneration ได้ โดยเลือกระหว่าง Low, Medium และ High เมื่อขับในเมืองแล้วรถติดแบบไหลๆ หยุดๆ เดี๋ยวเคลื่อนตัว เดี๋ยวก็ต้องจอดรอสัญญาณไฟเขียว ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ระบบ Autonomous Driving ได้แค่บิดสวิตช์เกียร์ไปที่โหมด B ซึ่งจะเป็นการเปิดโหมด One-Pedal Activation ซึ่งจะเพิ่มแรงหน่วงมากขึ้น จนถึงขนาดยกคันเร่งแล้ว รถจะสามารถชะลอจนหยุดเองได้ วิธีการใช้งาน One-Pedal Activation ทำให้รถตอบสนองแบบ EV ช่วยลดความเมื่อยล้ายามขับในเมืองเพราะไม่ต้องสลับเหยียบเบรก/คันเร่งบ่อยเกินไป

รถทดสอบ iX xDrive 40 เป็นรุ่นที่อยู่ล่างสุดและช่วงระยะทางของการวิ่งด้วยไฟฟ้าต่ำสุด (ประมาณ 400 กิโลเมตร) ชุดแบตเตอรี่ขนาด 76.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีความจุใช้งาน 71 กิโลวัตต์ชั่วโมง เพียงพอสำหรับช่วง WLTP ซึ่ง BMW เคลมเอาไว้ที่ 425 กิโลเมตร ในระหว่างการทดสอบช่วงปลายฤดูหนาวเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในเดือนกุมภาพันธ์ที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง iX xDrive 40 มีมอเตอร์ขับเคลื่อนสองตำแหน่งในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive มอเตอร์หลังยกมาจาก BMW iX3 แต่มีการปรับจูนซอฟแวร์ควบคุมการทำงานให้มีแรงบิดมากกว่า กำลังจากมอเตอร์หน้า-หลัง รวม 340 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร ดูจะน้อยไปหน่อยเมื่อต้องลากน้ำหนักตัว 2.3 ตัน แต่ขับในเมืองแรงบิดดูเหมือนจะมากกว่า 400 นิวตันเมตร โดยเฉพาะอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.0 วินาทีนั้นเร็วเอาเรื่อง เกียร์ซิงเกิลสปีด รับหน้าที่ถ่ายเทแรงบิดจากมอเตอร์ลงไปยังพื้นถนน อัตราทดเกียร์ 11.115 ;1 เพื่อขับเคลื่อนล้อหลัง สำหรับมอเตอร์หน้า มีกำลัง 200 กิโลวัตต์ หรือ 272 แรงม้า แรงบิด 352 นิวตันเมตร ถ่ายเทแรงบิดผ่านเกียร์ซิงเกิลสปีด อัตราทด 8.774 ;1 เพื่อขับเคลื่อนล้อหน้า

BMW iX xDrive 40 ทำอัตราเร่งได้รวดเร็วราวกับรถสปอร์ต ทั้งๆ ที่มีนำ้หนักตัวบานเบอะ มันเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.1 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ไฮโวลต์ ลิเทียม ไอออน 76.6 kWh มาพร้อมชุด Combine Charging Uint (CCU) ออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการชาร์จพลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น มันสามารถชาร์จไฟบ้าน 3 เฟส ผ่าน BMW Wallbox AC ขนาด 11 kW จาก 0-100 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่า 8 ชั่วโมง ชาร์จผ่านตู้ชาร์จไฟกระแสตรง DC รองรับได้สูงสุด 150 kW เท่ากับ iX3 ชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลา 30 นาที 

เมื่อชาร์จไฟจนเต็มแบตเตอรี่ iX xDrive 40 จะวิ่งได้ใกล้เคียง 380 กิโลเมตร หากขับอย่างระมัดระวังและไม่เหยียบคันเร่งอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับที่ผมพยายามทำทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อสัมผัสกับแรงบิด 630 นิวตันเมตร (464 ปอนด์-ฟุต) ที่เคลื่อนตัวรถขนาด 2.4 ตัน ด้วยความรวดเร็ว กำลังรวม 326 แรงม้าจากการติดตั้งมอเตอร์คู่ ทำให้ iX 40 สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) ใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม. 

ช่วงล่างหรือระบบรองรับ เป็นที่มาของความสบาย ด้านหน้าแบบดับเบิลวิชโบน ปีกนกคู่ ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ โช้กอัพถุงลมปรับระดับความสูงได้ (Adaptive Air Suspension) ให้ความนุ่มนวลและความสบายขณะขับเคลื่อน ซึ่งถ้าดูจากโครงสร้างหลักของช่วงล่าง เจ้า iX xDrive 40 จะคล้ายกับ BMW X5 xdrive45e รหัส G05 และ BMW X7 xDrive 40d G07 การควบคุมองคาพยบ (ตัวถัง) และความสูงที่ปรับค่าการตอบสนองได้ แม้จะบรรทุกมาเต็มพิกัดและต้องผจญกับเส้นทางที่อุดมไปด้วยทางโค้งขึ้นลงเนิน การเร่งความเร็วหรือใช้เบรกแบบเต็มกำลัง ขึ้นตรงกับการควบคุมของ Adaptive Air Suspension เมื่อขับด้วยความเร็วที่สูงกว่า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของตัวถัง (จากพื้นถึงใต้ท้องรถ) จะลดระดับโดยอัตโนมัติลงมาอีก 10 มิลลิเมตร ในโหมด Loading ระบบจะปรับยกความสูงขึ้นอีก 20 มิลลิเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนสัมภาระออกจากส่วนท้ายของรถ ระบบ Dynamic Damper Control ปรับการตอบสนองของโช้กอัพถุงลมแบบอัตโนมัติไปตามความเร็วที่แท้จริง 

พวงมาลัยไฟฟ้า BMW servotronic steering with variable ratio รักษามาตรฐานของความแม่นยำสมดุลและมีน้ำหนักที่แปรผันไปตามโหมดขับเคลื่อนกับสปีดความเร็ว ระบบช่วยเลี้ยวสี่ล้อ BMW integral active steering ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว ช่วยทำให้การถอยจอดในที่คับแคบง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เมื่อขับด้วยความเร็วสูง IAS - integral active steering ยังช่วยทำให้ล้อทั้งสี่ตั้งฉากกับผิวถนนอยู่ตลอดเวลา สร้างแรงยึดเกาะและความเสถียรขณะขับเข้าโค้ง องศาในการหักเลี้ยวของล้อหลังจะอยู่ที่ไม่เกิน 3 องศา สำหรับรูปแบบของการหักเลี้ยวมีสองรูปแบบคือ การหักเลี้ยวแบบสวนทิศทางกับล้อหน้า ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวทำให้การควบคุมทิศทางของรถขณะจอดทำได้ง่ายขึ้น ระบบทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และการหักเลี้ยวทิศทางเดียวกับล้อหน้า เหมาะกับการเลี้ยวในโค้งด้วยความเร็วสูง มุมเลี้ยวของล้อหลังเพียงเล็กน้อย ช่วยให้หน้ายางสัมผัสกับผิวถนนได้มากยิ่งขึ้น 

การบังคับเลี้ยวของล้อหน้า มาพร้อมระบบเปลี่ยนอัตราทด ในองศาของการหักพวงมาลัยที่เท่ากัน ล้อหน้าสามารถหักเลี้ยวด้วยองศาที่แตกต่างกัน แปรผันไปตามความเร็ว ในย่านความเร็วต่ำ ระบบจะหักเลี้ยวด้วยองศาปกติ เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น อัตราทดจะถูกปรับให้เข้าใกล้อัตราส่วน 1:1 เพื่อปรับให้พวงมาลัย ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง การปรับหน่วงน้ำหนักของพวงมาลัยแปรผันไปตามสปีดความเร็วนั้น มี electronic power steering ช่วยในการผ่อนแรงหมุนอย่างเต็มระบบ ควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ที่ปรับตั้งมาอย่างสมบูรณ์แบบ 

การอยู่บน iX นั้นเป็นเรื่องที่มีความพิเศษ จริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะนั่งอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม แต่จากเบาะที่นั่งของคนขับ คุณจะประทับใจกับทัศนวิสัยที่โดดเด่นมองเห็นได้รอบคัน จากความโปร่งโล่งของกระจกบังลมที่ออกแบบเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย รวมถึงหลังคากระจกผืนใหญ่แบบ Panoramic ที่ดีกว่ารถ SUV รุ่นอื่น ซึ่งพอจะเทียบเคียงกันได้ คุณภาพงานประกอบสไตล์ BMW การออกแบบ และเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัว โดยเฉพาะจอภาพทรงโค้งที่โคตรชัด กราฟิกใหม่เอี่ยมอ่อง พร้อมสีสันจัดจ้านในระบบปฏิบัติการ BMW OS 8 ความรู้สึกของการขับ โดยเฉพาะไดนามิกของรถที่ไม่เหมือนกับ BMW เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่แล้วบนโลกใบนี้ แต่กำลังจะถูกแทนที่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับงานตกแต่งภายในสไตล์ปฏิวัติของ iX แม้จะจัดอยู่ในคลาสที่เหนือกว่า Tesla Model X ในด้านความสวยงามน่าใช้ โดนใจวัยรุ่นที่ชอบความทันสมัย แต่แฟนคลับเก่าแก่ของแบรนด์ตราใบพัดบางคนถึงกับเบือนหน้าหนี เมื่อเห็นและสัมผัสกับความแตกต่างอย่างสุดขั้ว และเมื่อเอาไปเปรียบเทียบกับภายในที่งดงามของ BMW ในอดีต 

BMW iX นั้นดูทันสมัยจากหลายๆ มุมมอง และคุณไม่จำเป็นต้องมองข้ามรุ่นพื้นฐานอย่าง xDrive 40 เพราะมันวิ่งได้แค่สามร้อยกิโลเมตรปลายๆเท่านั้น หากต้องการรถ SUV ที่รวดเร็ว ระบบส่งกำลังไฟฟ้าในรุ่น 40 ก็ช่วยให้รถไปได้เร็วตามใจปราถณา อย่างไรก็ตาม คงจะดีไม่น้อยหากมีเงินเหลือเยอะและต้องการเอสยูวีของ BMW ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและวิ่งได้ไกลมากกว่านี้ (580 กิโลเมตร) คุณควรสั่ง xDrive 50 เพื่อเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ ที่มีการป้อนไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อนอย่างไม่มีอั้น คุณควรเลือกสั่งซื้อรุ่น xDrive 50 หรือ M60 ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง แล้วนั่งรอรถอีกอย่างน้อย 6-8 เดือน แต่จริงๆ แล้ว xDrive 40 มีสมรรถนะมากกว่ารถ SUV เครื่องยนต์สันดาปภายในที่มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักตัวมหาศาล เมื่อควักจ่ายไป 4,999,000 บาท คุณจะได้รับสิทธิ์เลือกแพคเกจการรับประกันนาน 6 ปี แบบไม่จํากัดระยะทาง บริการดูแลบํารุงรักษาอีก 6 ปี แบบไม่จํากัดระยะทางอีกเช่นกัน รวมถึงการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันไฟสูงกับอุปกรณ์ร่วมนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. ถ้าคุณพร้อมจะเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน จากเครื่องยนต์ไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า iX xDrive 40 ถือเป็นการเริ่มต้นทดลองใช้ยานยนต์พลังงานสะอาดที่มีความเหมาะสมกับชีวิตยุคใหม่ แต่สถานีชาร์จไฟที่ยังมีอยู่อย่างไม่ครอบคลุม ทำให้ต้องวางแผนสำหรับการขับออกทางไกล ซึ่งยังคงไม่มีความสะดวกสบายเหมือนรถเชื้อเพลิงฟอสซิล แต่สิ่งที่คุณจะได้รับจาก iX ก็คือ อารมณ์การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่แปลกแยกและแตกต่างไปจาก BMW ที่คุณเคยขับอย่างสิ้นเชิง เลือกเอาว่าจะไปต่อกับ X5 xDrive 45e หรือหันไปคบกับเจ้าเค้าแมวไฟฟ้า แบบได้อย่างเสียอย่างละครับ.  

รายละเอียดด้านเทคนิค
BMW iX xDrive 40 ราคา 4,999,000 บาท

สีตัวถัง
Alpine White
Black Sapphire
Phytonic Blue
Sophisto Grey
Blue Ridge Mountain

ชนิดแบตเตอรี่ (แรงดันสูง) ลิเทียม-ไอออน (Lithium-ion)
มิติรถยนต์ ยาว 4,953 มิลลิเมตร /กว้าง 1,967 มิลลิเมตร/สูง 1,696 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ  500-1,750 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 2,440 กิโลกรัม
ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง 76.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง  6.1 วินาที
อัตราการใช้ไฟฟ้า, มาตรฐาน NEDC 22.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
อัตราการใช้ไฟฟ้า, มาตรฐาน WLTP 22.5 - 19.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
ล้อ aerodynamic ขนาด 22 นิ้ว 9.5 J × 22 แบบสลับสี 3D ขัดเงา
ขนาดยาง 275/40 R22
Charging rate (additional range/10 min. HPC) สูงสุด 100 กิโลเมตร
ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า มาตรฐาน WLTP 420 กิโลเมตร
รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC) สูงสุด (11 กิโลวัตต์-ชั่วโมง) 
2.3kW AC SchuKo (220-230V/10A/1-phase)35 ชั่วโมง 45 นาที
3.7kW AC Flexible Fast Charger (230V/16A/1-phase) 21 ชั่วโมง 45 นาที
7.4kW AC Wallbox (230V/32A/1-phase) 10 ชั่วโมง 45 นาที
11kW AC Flexible Fast Charger/Wallbox (230V/16A/3-phase) 7 ชั่วโมง 15 นาที
DC Standard (250A/100KW) 46 นาที
DC Maximal (~500A/=250KW) 34 นาที

มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 240 กิโลวัตต์/ 326 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร
เกียร์อัตโนมัติ แบบซิงเกิ้ลสปีด

ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go
(Active cruise control with Stop&Go function)
ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional (Driving Assistant Professional)
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยไฟฟ้า BMW xDrive Electric (BMW xDrive electric all-wheel drive)
ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering)
อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า BMW Laserlight
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System)
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors)
หลังคากระจก Panorama Sky Lounge
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุดีไซน์ Titanium Bronze
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดําเงา
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus)
อุปกรณ์ภายใน
เบาะนั่งตอนหน้าแบบ multifunctional
ระบบอุ่นเบาะสำหรับคนขับและผู้โดยสารเบาะหน้า
ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า
หลังคาภายในสี Anthracite
ภายในตกแต่งดีไซน์ Suite
ภายในตกแต่งด้วยวัสดุ Polished crystal glass แบบ clear & bold
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน
ระบบจัดเก็บสัมภาระท้ายรถ
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
คุณลักษณะเฉพาะ
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional
ระบบสั่งงานอัจฉริยะ BMW Natural Interaction
ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย

ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ (ASC)
ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
ระบบควบคุมการล็อกเฟืองท้ายด้วยไฟฟ้า
ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights)
ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
ระบบ Active Protection
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)
คุณลักษณะเฉพาะ
ชุดตกแต่งพิเศษ

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX xDRIVE 40 เค้าแมวไฟฟ้าสุดน่ารัก! - ไทยรัฐ )
https://ift.tt/qjcMyY4
รถยนต์

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า BMW iX xDRIVE 40 เค้าแมวไฟฟ้าสุดน่ารัก! - ไทยรัฐ"

Post a Comment

Powered by Blogger.