
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนนั้นใหญ่มหาศาลและกำลังขยายตัว และความสำเร็จของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีนในปี 2565 ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์เกิดข้อกังขาว่า ก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไร
Automonility บริษัทที่ปรึกษาสัญชาติจีนระบุว่า ราว 27% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ในจีนเมื่อปีที่แล้วเป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งแบบใช้ไฟฟ้าเต็มรูปแบบและแบบไฮบริด และหากดูจากจำนวนของผู้ซื้อรถชาวจีน จำนวนยอดขายนั้นคิดเป็น สองในสามของตลาด EV ทั่วโลก แม้ว่าจะมีการล็อกดาวน์โควิด ปัจจัยอื่นๆ ที่กระทบการบริโภคและเศรษฐกิจ และการค่อยๆ ยกเลิกมาตรการสนับสนุนรถ EV ของรัฐบาลจีน แต่อุตสาหกรรมยานยนต์จีนก็ได้แรงหนุนจากห่วงโซ่อุปทาน EV ที่มีมาอย่างยาวนานและลอกเลียนแบบไม่ได้
บริษัทรถยนต์ EV อย่าง บริษัท Geely บริษัท Speng บริษัท Li Auto บริษัท NIO และบริษัทอื่นๆ อีกมาก กำลังเติบโต โดยส่วนแบ่งการตลาดในจีนเพิ่มขึ้น 17% ในปี 2565 ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ไม่ใช่สัญชาติจีน หดตัว 11% อย่าง BYD เพียงบริษัทเดียว ยังมียอดขายแบตเตอรี่สำหรับ EV เกือบ 1.8 ล้านลูก และรถรุ่นปลั๊กอิน ไฮบริดในจีน มียอดขายมากกว่าที่เทสลาทำได้ 1.3 ล้านคันในปีที่แล้ว
ดังนั้น หากจีนจะบุกตลาดสหรัฐฯ ก็ไม่ใช่เรื่องยากจากต้นทุนที่ต่ำเทียบกับผู้ผลิตอเมริกัน และผู้คนต้องการจะซื้อรถในราคาที่รับได้ และอย่าลืมว่า ผู้ผลิตยานยนต์ประเทศอื่น อย่างจีน เกาหลี และยุโรป ก็ประสบความสำเร็จในตลาดสหรัฐฯ อย่างโตโยต้า เป็นแบรนด์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งในสหรัฐฯ เมื่อปี 2564
อย่างไรก็ตาม จากข้อกำหนดเครดิตภาษี EV ในพระราชบัญญัติเพื่อลดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ทำให้ยานยนต์ที่ผลิตในจีนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามข้อกำหนดของสหรัฐฯ ที่ให้เงินอุดหนุน 7,500 ดอลลาร์สหรัฐแก่ผู้ซื้อรถ EV
แม้ผู้ผลิต EV สัญชาติจีนจะไม่สามารถเป็นผู้นำตลาดสหรัฐฯ ได้ แต่จีนยังมีบทบาทดาวเด่นในด้านห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่ EV โลก ซึ่งรวมถึงวัตถุดิบ กระบวนการ การผลิตแผงเซลล์ และอีกมาก จากข้อมูลของ BloombergNEF ชี้ว่าจีนมีสัดส่วนการผลิตแผงเซลล์แบตเตอรี่ EV ราว 75% และ 90% ของการผลิตเซลล์อิเลคโทรไลต์และขั้วแอโนด (Anode) ในปี 2565 และผู้ผลิตยานยนต์ในสหรัฐฯ อย่าง GM และเทสลา ก็พึ่งพาแบตเตอรี่บริษัทในจีน อย่าง CATL
แม้ว่าสหรัฐฯ จะสกัดแร่ได้มากเท่าไหร่ และอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่สหรัฐฯ จะโตขนาดไหนก็ตาม วัตถุดิบส่วนใหญ่ยังต้องส่งไปจีนเพื่อดำเนินการ และคาดว่าจีนก็จะยังคงมีสัดส่วนการผลิตเป็นหลักในปี 2570
ดังนั้น ผู้ผลิตรถ EV สัญชาติจีน ไม่จำเป็นที่จะต้องบุกเข้าไปในตลาด EV สหรัฐฯ ก็ยังสามารถครองตลาด EV ในสหรัฐฯ และครองโลดได้สบายๆ อยู่แล้ว
อ่านบทความและอื่น ๆ ( รายงานพิเศษ: จีนไม่จำเป็นต้องขายรถในสหรัฐฯ เพื่อครองตลาด EV อเมริกัน - efinanceThai )
https://ift.tt/gw0DBQL
ขายรถ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "รายงานพิเศษ: จีนไม่จำเป็นต้องขายรถในสหรัฐฯ เพื่อครองตลาด EV อเมริกัน - efinanceThai"
Post a Comment