จากกรณีที่ นางสาวใจสคราญ โค้วไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้พาร์ค จำกัด พร้อมด้วย นางสาวณัฐริยา โค้วไพโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการฯ ผู้เสียหายจากการที่รถยนต์หรูมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทถูกน้ำท่วมเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทประกันภัย จ่ายค่าเคลมประกันไม่เต็มจำนวน ทั้งที่ทำประกันภัยชั้น 1 จึงเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา
โดยวันนี้ นางสาวใจสคราญ กล่าวว่า ตนในฐานะผู้เอาประกัน ได้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท ชั้น 1 รถยนต์เก๋ง 2 ตอน ยี่ห้อ แอสตันมาร์ติน รุ่น DB9 CARBON EDITION ไว้กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง มีระยะเวลาคุ้มครองการประกันภัยเริ่มต้นวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 สิ้นสุดวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 กำหนดทุนประกันภัยจำนวน 10,500,000 บาท ซึ่งในวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา รถยนต์ของตนได้เกิดอุบัติเหตุน้ำท่วมบนถนนบางนา-ตราด ซึ่งขณะเกิดเหตุยังอยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ฉบับดังกล่าว
ต่อมา ตนได้นำรถยนต์เข้าจัดซ่อมที่ ศูนย์ซ่อมรถยนต์มาตรฐานของ แอสตันมาร์ติน เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ทางศูนย์ซ่อมได้นำใบเสนอราคาค่าเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ให้บริษัทประกันภัยพิจารณาค่าซ่อม โดยบริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายให้เพียง 50% จากราคา 2,100,000 บาท ของราคาเครื่องยนต์ ส่วนที่เหลืออีก 50% ทางบริษัทประกันภัยปัดความรับผิดชอบ แล้วให้ผู้เอาประกันเป็นผู้รับผิดชอบเอง จึงได้เข้าไปร้องขอความเป็นธรรมจากสำนักงาน คปภ. เขตบางนา คปภ.จึงพิจารณาให้มีการไกล่เกลี่ยระหว่างสองฝ่ายกันหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ โดยในส่วนของค่าซ่อมเครื่องยนต์ ทางบริษัทประกันภัยได้พิจารณายอมจ่ายค่าซ่อมเครื่องยนต์เป็นจำนวน 70% แต่ตนคิดว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะในแต่ละปีตนเสียเบี้ยประกันภัยชั้น 1 ในอัตราที่สูงสุด โดยตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขความคุ้มครองของการประกันภัยรถยนต์ ที่ได้ทำไว้กับบริษัทประกันภัยดังกล่าวแล้ว ซึ่งทางบริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย หรือค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนตามสัญญา ตนจึงเห็นว่า การที่บริษัทประกันภัยดังกล่าวปฏิเสธที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างเต็มจำนวนตามสัญญานั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่อาจจะถือว่าเป็นการประวิงการซ่อมแซม ประวิงการชดใช้เยียวยาความเสียหาย และประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ตน
อีกทั้งบริษัทประกันภัยดังกล่าว ตนเคยได้ไปเคลมรถยนต์กับทางศูนย์ซ่อม เมื่อปี 2564 เนื่องจากนำไปเฉี่ยวชน และได้มีการออกเงินค่าเสียหายในการซ่อมเป็นเงิน Advance จำนวน 40,000 กว่าบาท ไปก่อน และค่อยนำมาทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันภัยในภายหลัง เมื่อกลับมาทำเรื่องเบิกถูกบริษัทประกันภัย อ้างเรื่องเอกสารต่างๆนาๆยื้อเวลามาเป็นปีตอนนี้ไม่สามารถเบิกเงินกลับคืนมาได้
หลังจากที่ทาง นายโสรัจจ์ แรกสกุลชัย ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ คปภ. ได้นำเรื่องเข้าพิจารณาเรียกทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า ให้ทางบริษัทประกันภัยชดใช้ค่าเสียหายเครื่องยนต์เป็นจำนวนเงิน 90% เป็นเงินจำนวน 1,850,000 บาท อีก 10% หักออกจากระยะทางการใช้งาน เพราะผู้เสียหายได้นำรถไปใช้งานต่อ ส่วนค่าเสียหายอื่นๆให้ทางบริษัทประกันภัยรับผิดชอบ 100% ตามที่ผู้รับประกันภัยควรจะได้ พร้อมกับชดใช้ค่าเสียเวลา วันละ 2,000 บาทจนกว่ารถจะซ่อมเสร็จ
ส่วนในเรื่องค่าเคลมประกัน จำนวนเงิน 40,000 กว่าบาทนั้น ทาง คปภ. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนกับทางบริษัทประกันภัยดังกล่าว ให้เข้ามาชี้แจงถึงสาเหตุการจ่ายเงินเคลมประกันล่าช้าแล้ว
โดย น.ส.ใจสคราญ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ถึงแม้ทางบริษัทประกันภัยจะยอมชดใช้ค่าเสียหาย 90% ของค่าเครื่องยนต์ที่เสียหายก็เป็นที่พอใจแล้ว หากยื้อเวลาเรียกร้องกับบริษัทใหญ่อย่างนี้อาจจะไม่ได้รับอะไรเลย ซึ่งหลังจากหมดกรมธรรม์รถยนต์ ก็จะทำการเปลี่ยนบริษัทอื่นทันที ได้ฝากเตือนไปยังผู้บริโภคคนอื่นควรเลือกซื้อประกันภัยกับทางบริษัทที่มีความรับผิดชอบมากกว่านี้
อ่านบทความและอื่น ๆ ( จบลงด้วยดีประกันรถหรูไฮโซสาว ยอมจ่าย90% - สยามรัฐ )https://ift.tt/StXALZr
รถประกัน
Bagikan Berita Ini
0 Response to "จบลงด้วยดีประกันรถหรูไฮโซสาว ยอมจ่าย90% - สยามรัฐ"
Post a Comment