มีผู้บริโภคมากขึ้นหันมาใช้รถไฟฟ้าทั้งคัน ทำให้ตอนนี้ตามถนนหนทางในจีนคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆที่ก่อต้นทุนแก่บริษัทประกันมากกว่ารถยนต์ใช้เครื่องยนต์สันดาปประมาณ 20%
“เหวินเหวิน เฉิน” ผู้อำนวยการเอสแอนด์พี โกลบอล เรตติ้งส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยธุรกิจประกันในจีนของเอสแอนด์พี โกลบอล เรตติ้งส์ กล่าวว่า เมื่อปีที่แล้ว มีกระทรวงหนึ่งของจีนรายงานว่ามีรถไฟฟ้าอย่างน้อย 3,000 คันที่ติดไฟ ซึ่งโดยทั่่วไปแล้ว ความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้านั้นจะสูงกว่ารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน โดยไม่ได้ให้ตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง
เมื่อปีที่แล้ว บริษัทจีนจำนวนมากเร่งเปิดตัวรถยนต์ใหม่แม้ว่ายังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ารถยนต์เหล่านี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุในรูปแบบใดบ้าง ส่วนบรรดาบริษัทประกันท้องถิ่นก็คิดว่ารถไฟฟ้าทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น
เหวินเหวิน กล่าวด้วยว่า นอกจากก่อต้นทุนเพิ่มแล้ว รถไฟฟ้ายังทำให้สัดส่วนการสูญเสียทางธุรกิจแก่บริษัทประกันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไปที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าและเมื่อเกิดปัญหาเสียหายหรือชำรุด ก็หาอะไหล่เปลี่ยนได้ยากกว่า
“เชส การ์ดเนอร์ ”จากอินชัวริฟาย ซึ่งเปรียบเทียบการประกันรถยนต์ในตลาดสหรัฐให้ความเห็นว่า การประกันรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะแพงกว่ารถยนต์ใช้เครื่องยนต์สันดาปประมาณ 15% เนื่องจากรถไฟฟ้าในสหรัฐส่วนใหญ่เป็นรถหรูหราแต่ต้นทุนการซ่อมบำรุงก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาประกันสูงขึ้นด้วย
จำนวนเหตุไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้าในจีนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยมีต้นเหตุมาจากหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นขณะรถจอดนิ่งหรือกำลังชาร์จไฟ
เมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟลุกไหม้รถยนต์ไฟฟ้า Xpeng G3 ในมณฑลเซินเจิ้น ขณะที่ต้นเดือนเม.ย. รถเอสยูวี Aiways U5 ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ทั้งคันขณะจอดชาร์จไฟอยู่ในมณฑลเฉิงตู แต่นี่อาจเป็นตัวอย่างเล็กๆน้อยๆของจำนวนเหตุที่เกิดขึ้นมากมายจนกลายเป็นเรื่องปกติในจีน แต่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง นั่นอาจเป็นเพราะผู้บริโภคสามารถรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้
ขณะที่สื่อทางการจีนรายงานว่า ตลอดปี 2563-2564 มีเหตุไฟไหม้ที่ถูกรายงานข่าวทั้งหมด 86 ครั้งและแบรนด์รถยนต์ที่เกิดไฟไหม้บ่อยที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บีวายดี,จีเอซี,ต่งเฟิง, เอสเอไอซี และปิดท้ายด้วยเทสลา ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกัน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า 66% ของเหตุไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้าในจีนเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนพ.ค.ถึงก.ย. น่าจะเป็นเพราะอากาศร้อนกว่าช่วงเวลาอื่นของปีจึงเกิดอาการโอเวอร์ฮีต
เหตุไฟไหม้รถไฟฟ้าในจีนแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบคือ ่ไฟไหม้ขณะจอดชาร์จแบตเตอรี่ ไฟไหม้ขณะขับขี่ ไฟไหม้ขณะจอด และไฟไหม้หลังเกิดอุบัติเหตุ โดยผลสำรวจพบว่า 38.5% ของเหตุไฟไหม้ เกิดขึ้นขณะรถจอดนิ่งสนิท และ 27.5% เกิดขึ้นขณะจอดชาร์จแบตเตอร์รี่ และสาเหตุสุดท้ายที่ทำให้เกิดไฟไหม้คือการเกิดอุบัติเหตุจนชุดแบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย เกิดภาวะไฟฟ้าลัดวงจรจนอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างช้า ๆ และนำไปสู่ไฟลุกไหม้ในที่สุด
ขณะที่เว็บไซต์ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าครึ่งปีแรกของบีวายดีแซงหน้าเทสลา ส่งสัญญาณว่าจีนกำลังเข้ามาครองส่วนแบ่งในธุรกิจนี้มากขึ้น โดยบีวายดี รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่นับรวมทั้งประเภท PHEV ( Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือ รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งก็คือ รถยนต์ที่ใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้า และน้ำมันเบนซิลหรือดีเซล และ BEV หรือแบบใช้ไฟฟ้า 100% อยู่ที่ 641,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 300% จากปีก่อน
ส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงเวลาเดียวกันของเทสลาอยู่ที่ 564,000 คัน ทั้งหมดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV โดยเทสลากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในไตรมาสที่ 2 จากปัญหาซัพพลายเชนและการขายที่หยุดชะงักลงในจีนจากการล็อกดาวน์
แต่ผู้สังเกตุการณ์ตั้งข้อสังเกตว่าบีวายดีอาจยังไม่ใช่เบอร์ 1 ของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโลก เนื่องจากยอดขายทั้งหมดของบริษัทมีรถยนต์ไฟฟ้าประเภท BEV เพียงแค่ 323,519 คัน ยังคงตามหลังเทสลา โดยยอดผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ของ บีวายดียังคงเป็นประเภท PHEV
https://ift.tt/xnwsAa2
รถประกัน
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'รถไฟฟ้ารุ่นใหม่'เพิ่มภาระบริษัทประกัน20% - กรุงเทพธุรกิจ"
Post a Comment