เจ้าของรถแจงกลับ อู่ซ่อมรถทำรถยนต์หาย พบพิรุธหลายอย่าง จ.นนทบุรี - ช่อง 7

ตามกันต่อกรณีเจ้าของอู่ซ่อมรถทำรถยนต์ลูกค้าหาย วานนี้ (22 พ.ย.) เรานำเสนอฝั่งเจ้าของอู่แล้ว คราวนี้เจ้าของรถยนต์ที่สูญหายขอพูดบ้าง มีหลายประเด็นที่พูดไม่ตรงกัน จะเป็นหนังคนละม้วนหรือไม่

นางสาวพิมพ์ณภัส นวลหงษ์ ผู้เสียหายที่นำรถยนต์ยี่ห้อ Toyota Camry สีขาว ไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถย่านบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี แต่สุดท้ายรถยนต์หายออกไปจากอู่ จนผ่านมาเกือบ 1 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้า

นางสาวพิมพ์ณภัสไล่เรียงไทม์ไลน์ว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน เธอขับรถไปชนสุนัขที่จังหวัดนครนายก จนหม้อน้ำแตก ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้ทำประกันภัยไว้ ประกอบกับมีเเพื่อนแนะนำให้ไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถย่านบางบัวทอง โดยเจ้าของอู่ประเมินราคาซ่อมแบบเหมาจ่ายจำนวน 19,500 บาท เธอเห็นว่าราคาไม่แพงจึงตัดสินใจซ่อม โดยโอนเงินค่าซ่อมให้เต็มจำนวน แต่หลังจากโอนเงินได้เพียงวันเดียว มีเพื่อนมาทักท้วงว่าทำไมนำรถไปซ่อมไกล จะทำให้เวลาเดินทางไปติดตามลำบาก เธอจึงแจ้งกับเจ้าของอู่ว่าขอนำรถออกมาก่อน แต่เจ้าของอู่กลับบอกว่านำเงินจำนวนดังกล่าวไปซื้ออะไหล่มาหมดแล้ว ทำให้ไม่สามารถนำรถออกมาได้

ระหว่างนั้นก็ไปติดตามความคืบหน้าการซ่อมอยู่ตลอด จนวันที่ 13 ตุลาคม ทางอู่ซ่อมรถโทรศัพท์มาแจ้งว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว แต่เธอยังไม่มีเวลาไปรับ กระทั่งวันที่ 18 ตุลาคม เจ้าของอู่โทรศัพท์มาบอกว่า รถยนต์ของเธอถูกคนร้ายขโมยไป ผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปที่อู่ซ่อมรถ ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิด เห็นว่ามีคนขับออกไปเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 18 ตุลาคม แต่ไม่ชัดว่าเป็นใคร จึงไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้ติดตามตัว

นางสาวพิมพ์ณภัส บอกว่า หลังจากเกิดเรื่องได้โพสต์ตามหาในเฟซบุ๊ก จากนั้นไม่นานมีคนโทรศัพท์เข้ามา บอกว่าชื่อ ตี๋ อ้างว่าเป็นผู้รับจำนำรถของเธอไว้ ตอนนี้รถอยู่ที่ชายแดน หากต้องการรถคืนต้องนำเงินมาไถ่ถอน เธอจึงถามกลับไปว่าใครเป็นคนนำรถไปจำนำ

ผู้เสียหายบอกว่าได้พูดคุยกับเจ้าของอู่ ทางเจ้าของอู่บอกว่า สงสัยลูกค้าคนหนึ่งที่ชื่อ หมู นำรถมาซ่อมเหมือนกัน เพราะนายหมูเคยพูดว่า "รถยนต์สีขาวคันนี้สวยดี ขอออกไปลองขับได้ไหม" แต่ทางอู่ก็ไม่ได้ให้ขับ ส่วนข้อสงสัยว่าคนร้ายมีกุญแจรถขับออกไปได้อย่างไร เจ้าของอู่อ้างว่า ปกติวางกุญแจรถทุกคันไว้หน้ารถอยู่แล้ว

หลังจากนั้นเจ้าของอู่ได้ให้รถคันอื่นมาใช้แทน แต่เธอไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากสภาพรถมีกลิ่นน้ำมันรั่วตลอดเวลา จึงไม่รับไว้ ต่อมาเจ้าของอู่รถขอเจรจา บอกว่ามีนายทุนมาเทกโอเวอร์กิจการอู่ซ่อมรถต่อ และเจ้าของคนใหม่จะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเอง โดยการนำรถยนต์ Toyota Fortuner มาให้ใช้ และมีการตกลงเซ็นสัญญาชดใช้กันเกิดขึ้น แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป จนเธอต้องออกมาร้องขอความเป็นธรรมผ่านโซเชียล และสื่อต่าง ๆ

ทนายความ รัชพล ศิริสาคร ผู้รับเรื่องร้องทุกข์บอกว่า เรื่องนี้แยกเป็น 2 ประเด็น คือ คดีอาญา ผู้เสียหายต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของอู่รถกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ แต่ถ้าเจ้าของอู่รถยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ต้องชี้แจงว่ารถหายไปได้อย่างไร

ส่วนอีกประเด็นเป็นคดีทางแพ่ง ซึ่งจากที่ฟังผู้เสียหายเล่า เจ้าของอู่รถพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่ให้ผู้เสียหายดำเนินคดีอาญา แต่พยายามไกล่เกลี่ยให้เป็นคดีแพ่ง ด้วยการหารถมาใช้ระหว่างที่รถหาย ทั้งที่จริงแล้วทางอู่ซ่อมรถควรจะจี้ให้ตำรวจเร่งตามหารถคืนเพื่อจะได้พ้นผิด แต่กลายเป็นผู้เสียหายเองที่วิ่งเต้นพยายามติดตามรถคืนเพียงฝ่ายเดียว

หลังจากที่มีการร้องขอความเป็นธรรมและโพสต์เฟซบุ๊กหลายครั้ง มีพลเมืองดีคนหนึ่งส่งข้อความมาบอกกับนางสาวพิมพ์ณภัสว่า เห็นรถยนต์ของเธอประกาศขายในเพจเฟซบุ๊ก โดยวางจำหน่ายที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง ย่านนวมินทร์ กรุงเทพมหานคร ผู้เสียหายจึงประสานผู้สื่อข่าว และวางแผนล่อซื้อ โดยนัดหมายดูรถ 13.00 น. เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) ผู้เสียหายพร้อมเพื่อนอีก 4-5 คนไปดูรถที่เต็นท์ดังกล่าว ตรวจสอบรถทุกมุม พบว่ามีเพียงป้ายทะเบียนที่เปลี่ยนไป แต่ตำหนิต่าง ๆ ตรงกับรถของเธอที่สูญหายไป จึงมั่นใจว่าเป็นรถยนต์ของเธอแน่นอน

เมื่อมั่นใจว่าเป็นรถยนต์ของตนเอง ผู้เสียหายให้เพื่อนเฝ้าดูรถยนต์ที่เต็นท์รถ เพราะเกรงว่าจะมีการเคลื่อนย้ายหนี ระหว่างนั้นเธอขอตัวออกมาจากเต็นท์รถ เดินทางไปที่ สน.โคกคราม เพื่อแจ้งความ และประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ไปที่เต็นท์รถดังกล่าวทันที ตำรวจตรวจสอบรถยนต์ตรงตามที่ผู้เสียหายได้แจ้งไว้ จึงขออายัดรถยนต์มาไว้ที่โรงพัก ก่อนเชิญเซลที่โพสต์ขายรถและเจ้าของเต็นท์รถมาสอบปากคำ

เบื้องต้น ทางเจ้าของเต็นท์รถยืนยันว่าซื้อรถมาถูกต้อง มีหลักฐานยืนยันว่ารถเป็นของเขาจริง ส่วนผู้เสียหายก็มั่นใจว่าเป็นรถของเธอเช่นกัน ทำให้ต้องมีการพิสูจน์ทราบขยายผลกันต่อ เพราะทางผู้เสียหายเชื่อว่าอาจจะมีทำร่วมกันเป็นขบวนการ ทำให้เลขตัวถังไม่ตรง ตอนนี้กลายเป็นว่าเจอรถแล้ว แต่ยังต้องมาแก้ข้อสงสัยเนื่องจากสภาพที่เปลี่ยนไป จึงอยากฝากผู้เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

หลังจากนี้ ตำรวจจะประสานขอนำรถยนต์คันดังกล่าวไปพิสูจน์ทราบหาผู้ครอบครองที่แท้จริง เพื่อคลี่คลายคดีนี้โดยเร็ว

Adblock test (Why?)