Search

ทิศทาง "รถยนต์ไฟฟ้า" ของ "วอลโว่" ในประเทศไทย - กรุงเทพธุรกิจ

ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีการแข่งขันสูงเป็นอย่างมาก ทิศทางการตลาดของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2022 ของ "วอลโว่" รวมถึงแนวโน้มของปีหน้าว่าเป็นอย่างไรกับสงครามการแข่งขันด้านการตลาดของ "รถยนต์ไฟฟ้า" มาฟังคำตอบจาก Chris Wailes กรรมการผู้จัดการ บริษัทวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด

วอลโว่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก ที่ผ่านมาวอลโว่ได้ใช้จุดแข็งนี้เป็นกลยุทธ์การขายมาโดยตลอด ปัจจุบันวอลโว่ยังคงใช้จุดดังกล่าวเป็นกลยุทธ์การตลาดหรือไม่?

ใช่ครับ ที่ผมจะสื่อก็คือ ความปลอดภัยจากการนั่งรถวอลโว่ เป็นหัวใจและอยู่ใน DNA ของเราตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อ 94 ปีที่แล้ว (วอลโว่ก่อตั้งปี 1927) และ สิ่งนี้ยังเป็นหัวใจสำคัญของเราเสมอมา แต่เมื่อโลกหมุนไป หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ผู้คนอาจจะมองเรื่องความปลอดภัยที่ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย และสิ่งที่เราให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เนื่องจากนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ตั้งแต่เซ็นเซอร์ไปจนถึงเรดาร์เลเซอร์ ในรูปแบบต่างๆ เราเชื่อมั่นเสมอไม่ว่าจะเวลานี้ หรือในอนาคตรถยนต์วอลโว่ จะยังคงเป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลกและมันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราใช้ในรถยนต์วอลโว่ จะทำให้การขับรถของลูกค้าเราสะดวกสบายมากขึ้น แต่เทคโนโลยีเหล่านี้จะใส่เพิ่มในรถแต่ละรุ่นเมื่อจำเป็นเท่านั้น

วอลโว่

ด้วยการตลาดรถยนต์ในประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนแปลง และคุณบอกว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามันคือเทรนด์ของโลกที่กำลังจะมา จุดยืนของทาง "วอลโว่" กับเทคโนโลยี "รถยนต์ไฟฟ้า" เป็นอย่างไร?

เราเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายแรกๆ ที่ประกาศว่า รถยนต์ที่ออกใหม่ในปี 2019 จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะในประเทศไทย เรื่องนี้เราชัดเจนมาก แต่จากมุมมองส่วนตัวของผมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปทำได้ง่ายกว่ามาก เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้ามีให้ใช้งานอย่างกว้างขวางกว่าเล็กน้อย

แต่ในประเทศไทย เราตัดสินใจในปี 2018 ว่าเราจะเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิมไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้า โดยเริ่มจากรถยนต์ Plug-in Hybrid เมื่อปีที่แล้ว และพบว่าการลงทุนในสถานีชาร์จยังไม่สามารถครอบคลุมทุกพื้นที่ได้

เราจึงแก้ปัญหาด้วยการรวมเครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่แรงดันสูงพร้อมบริการติดตั้งให้ลูกค้าทั้งที่บ้าน หรือ ออฟฟิศของลูกค้า ดังนั้นจึงทำให้การเปลี่ยนจากรถยนต์ Plug-in Hybrid เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้ง่ายขึ้นมาก และสิ่งที่เรารู้คือ ลูกค้าที่ขับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดหรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มักจะไม่กลับไปใช้รถยนต์เครื่องยนต์แบบเดิมๆ อีก

ดังนั้น กลยุทธ์ของเราคือ ภายในปี 2025 กว่าครึ่งหนึ่งของรถยนต์วอลโว่ที่เราขายในประเทศไทย จะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเราจะเดินหน้าเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะเรามั่นใจว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าคืออนาคต เราจะนำเทคโนโลยีทั้งหมดที่เรามี มารวมไว้ในรถยนต์เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยพอใจในการขับรถยนต์วอลโว่

เป้าหมายสำหรับวอลโว่ในปี 2022 คืออะไร? และจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร?

เราเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกในประเทศไทยแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าที่ซื้อเราไป และเราก็สานต่อทันทีด้วยวอลโว่รุ่น XC40 Recharge Pure Electric ส่วนปีหน้าเราจะเปิดตัวรุ่นไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่น คาดว่าน่าไม่เกิน 6 เดือนแรกคงได้เห็นกัน

วอลโว่

สำหรับรถยนต์ที่เพิ่งเปิดตัวในปีนี้ อยากให้ช่วยบอกเล่าถึงความพิเศษของรุ่นนี้ว่าแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นอย่างไร?

ที่จริงมันขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้ามากกว่านะครับว่าสิ่งที่เขามองหาหรือจะต้องตัดสินใจซื้ออะไร แต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกของเราคือ The New Volvo XC40 Recharge Pure Electric ซึ่งหากมองจากภายนอก มันก็เหมือนกับ XC40 ตัวเดิมที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในหรือเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แต่กระจังหน้าจะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน นั่นเพราะไม่มีเครื่องยนต์แล้ว ทว่าคุณอาจจะเห็นว่าด้านหน้ารถมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่เมื่อเราเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้น สิ่งที่ต่างจากเดิมเลยคือ จะมีพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมสำหรับกระเป๋าหรือเสื้อผ้า หรืออะไรก็ได้ที่คุณต้องการใส่  

ส่วนระยะการเดินทาง รถยนต์คันนี้จะพาคุณเดินทางได้ถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ซึ่งการชาร์จจากเครื่องชาร์จ DC จะชาร์จได้ถึง 80% ของการชาร์จไม่ถึง 40 นาที คือมันมีประโยชน์มากๆ สำหรับการเดินทางในเมือง ด้วยระยะทางขนาดนี้กับการชาร์จช่วงเวลาไม่นาน เรียกได้ว่าเกินพอสำหรับการใช้งานในแต่ละวัน

แต่หากต้องการขับให้ไกลขึ้น เช่น จากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ เราก็จะครอบคลุมการชาร์จไว้ด้วยเช่นกัน โดยเราจะมีแอปพลิเคชัน “EA Anywhere” ซึ่งแอปนี้สามารถแจ้งเตือนบอกให้เข้าถึงสถานีชาร์จที่มีทั่วประเทศ โดยจะมีการมอบค่าชาร์จไฟฟ้าในแอปนี้มูลค่า 25,000 บาท

นอกจากนี้ เรายังมีแพ็คเกจเพื่อดูแลรถให้ลูกค้า สิ่งที่เรามอบให้คือทำทุกอย่างให้มันง่ายสะดวกสบายสำหรับลูกค้า โดยการรับประกันคุณภาพ 5 ปี และบริการบำรุงรักษา 5 ปี ซึ่งจะรวมในราคารถยนต์แล้ว

และแน่นอนว่ารถคันนี้ควบคุมด้วยระบบเสียงผ่าน Google ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมอย่าง Google Maps หรือ Google Play Store ผ่านระบบปฏิบัติการ Android พร้อมกับแพคเกจบริการดิจิทัลเป็นเวลา 4 ปี

สิ่งเหล่านี้คือแนวคิดของเราที่จัดเต็มทุกโปรแกรมพื้นฐานให้ลูกค้า เพราะเมื่อคุณขับรถยนต์ของเราออกไปแล้ว สิ่งที่จะต้องทำก็เพียงแค่ชาร์จไฟเท่านั้น

ที่ผ่านมาวอลโว่รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างไร? และตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?

พวกเราก็ไม่ต่างกับคนอื่นเลย ผมหมายถึงทุกคนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กันหมด เราเจอยอดขายที่ลดลงในปีที่แล้ว แต่ก็ลดลงน้อยกว่าตลาดทั่วไป ส่วนปีนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา เราเจอปัญหาหนัก และจัดการได้ยากกว่าปีก่อนมาก

สาเหตุหลักมาจาก เราปิดสำนักงานเกือบหกเดือน เราปฏิบัติตามคำแนะนำของ CCSA (ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด19) ซึ่งช่วงดังกล่าวเราให้พนักงานทำงานจากบ้านทุกคน

เราให้ความสำคัญกับสุขภาพควบคู่กับสวัสดิภาพของพนักงานอย่างมาก ส่วนสิ่งที่เราทำในปีนี้คือการเพิ่มเงินเดือนและเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้พนักงาน  

มันคือสิ่งที่เราพยายามชดเชยความย่ำแย่ของโควิด-19 ให้กลับมาเป็นพลังบวก ด้วยการมอบความปลอดภัยแก่พวกเขา  ดังนั้นพนักงานไม่มีอะไรต้องกังวลใจแม้จะทำงานจากที่บ้านมาเป็นเวลานานก็ตาม

เพราะเมื่อคุณทำงานจากที่บ้านเป็นเวลานาน คุณคิดถึงการอยู่ในสภาพแวดล้อมในสำนักงาน การพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่เคยเจอเคยคุยกันทุกวัน  เมื่อสิ่งนั้นหายไป และต้องทำงานจากที่บ้าน เป็นระยะเวลานานอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้คนได้ เราจึงได้จัดเซสชันผู้สนับสนุนออนไลน์โดยที่เราส่งสิ่งของทางไปรษณีย์ไปให้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเราใส่ใจ

วอลโว่

ในโลกปัจจุบัน มุมมองของคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย ค่อนข้างต่างจากรุ่นพ่อแม่ที่เป็นคนในยุคเบบี้บูมมาก คุณจะรับมืออย่างไรกับการตลาดในปัจจุบัน และจุดไหนคือความท้าทายที่สุด?

ประเทศไทยไม่ต่างจากประเทศอื่นๆ ในโลกเลยนะ ตอนนี้โลกทั้งใบกำลังเปลี่ยนแปลงไป และหลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วย ที่เห็นชัดๆ คือ โลกดิจิทัลกำลังขยายตัวในประเทศไทย ผู้คนจำนวนมากซื้อของออนไลน์ สั่งอาหารออนไลน์กันมากขึ้น

ดังนั้น ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ก็คือการมองหาสิ่งที่ผู้คนต้องการ หรืออะไรก็ตามที่เข้ากับคนในยุคสมัยนี้ให้มากที่สุด ด้วยการใส่เทคโนโลยีเข้าไปในรถยนต์ให้ลูกค้าใช้งานได้ง่ายที่สุด เพราะในมุมของผม คงไม่มีประโยชน์อะไรหากเราใส่เทคโนโลยีอะไรก็ไม่รู้ลงไปจนทำให้ผู้ใช้เข้าไม่ถึงเทคโนโลยีดังกล่าว

เราจึงมุ่งมั่นอย่างมากที่จะออกแบบเทคโนโลยีให้เข้าถึงง่ายและปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจของเราคือ 

เรามุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืนของธุรกิจ และเราจะไม่เปลี่ยนไปจากหลักการนี้ โดยเราจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศไทยและทั่วโลกลง 40% ภายในปี 2025 ในทุกขั้นตอนการทำงานของเรา ซึ่งรวมถึงการขนส่งต่างๆ ผมขอยกตัวอย่าง ที่สำนักงานใหญ่ เราเปลี่ยนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวด้วยวัสดุรีไซเคิล สำหรับผมมันเป็นส่วนที่สำคัญมากในการเดินไปสู่อนาคต ผมเองมีลูก และลูกของเราจะโทษเราได้ ถ้าเราไม่พยายามแก้ไขสิ่งต่างๆ เพื่อประโยชน์ของพวกเขาตั้งแต่วันนี้

ในอนาคตลูกค้าไม่ต้องไปรับรถแล้ว เพราะทางศูนย์บริการฯ สามารถรับรถไปซ่อม ได้ทั้งที่บ้านหรือที่ทำงาน เพราะรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามันแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย และแทนที่จะมีคนเดินทางมาหาเรา เราจะไปเป็นฝ่ายไปหาลูกค้าแทน จุดนี้ต่างจากเมื่อ 40 ปีที่แล้วมาก และเรายินดีรับข้อเสนอแนะจากทุกคน เพราะเราก็ไม่ต่างจากคนอื่นคือ เราไม่ได้รู้ทุกอย่าง แต่พวกเราจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

วอลโว่ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า

Adblock test (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( ทิศทาง "รถยนต์ไฟฟ้า" ของ "วอลโว่" ในประเทศไทย - กรุงเทพธุรกิจ )
https://ift.tt/2WKfijN
รถยนต์

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ทิศทาง "รถยนต์ไฟฟ้า" ของ "วอลโว่" ในประเทศไทย - กรุงเทพธุรกิจ"

Post a Comment

Powered by Blogger.