
พี่แต่งงานแล้วเหรอ?
โจม : ก็เป็นเรื่องนึงที่ไม่เคยพูด เพราะไม่มีคนถาม พอไม่มีคนถามจะเรียกว่าเราปิดก็มีส่วน เพราะเราไม่ได้จำเป็นต้องแถลงข่าวว่าเราแต่งงาน เราก็ไม่ได้ดังขนาดนั้น
พี่แต่งมากี่ปีแล้ว?
โจม : เกิน 25 ปี แต่งก่อนเข้าวงการ ตอนถ่ายโฆษณาสิงห์จะบอกว่าได้เพราะลูกด้วย คือวันที่ไปแคสติ้งงานนี้ เราไปแคสติ้งแป้งยี่ห้อหนึ่ง อีกสตูนึงอยู่ใกล้กัน ห้องแคส พอเราแคสติ้งแป้งเสร็จเดินออกมา ฝ่ายนี้เห็นก็ถามว่าทำไมไม่มาแคสละ เขาก็บอกว่าเรียกมาตั้งหลายครั้งแล้วทำไมถึงไม่มา ผมบอกผมไม่รู้เรื่องเลย เขาถามว่าวันนี้มีเวลาไหม ผมบอกมีครับ วันนั้นผมอุ้มลูกไปด้วย ภรรยารออยู่ข้างหน้า ก็บอกเขาว่ารอแป๊บนะ พอเข้าไป เขาบอกว่าคุณรู้ไหมโฆษณานี้ใหญ่มาก ผมบอกเหรอครับ ผมได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ เขาบอกว่าถ้าคุณได้คุณต้องเตรียมตัวแพ็คกระเป๋าเลยไปอเมริกา แต่คุณมีปัญหาต้องทำวีซ่า ต้องรีบทำเลยนะ ผมบอกไม่มีปัญหาครับ ตอนที่เราอยู่บริษัทขายรถ เรามีวีซ่าอเมริกาอยู่แล้ว 10 ปี ตอนนั้นเขาบอกว่าคัดตัวมาเป็น 100 คน แล้วเราอาจจะมาในจังหวะที่เขาเต็มที่ ต้องได้แล้ว
บอกได้ไหมตอนนั้นค่าตัวเท่าไหร่?
โจม : ไม่เยอะครับ สมัยก่อนผมอาจจะเรียกค่าตัวสูง เพราะโฆษณานี้ค่าตัวคนอื่นเป็นล้าน เท่าที่ผมรู้คนที่ไปแคสโฆษณานี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ผมเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงผมก็ไม่ได้เรียกค่าตัวอะไร เขาให้เท่าไหร่ผมก็เอา หลักไม่ถึงล้าน แต่เป็นหลักแสน
ตอนนี้ลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว?
โจม : อายุ 22 ครับ เรียนเพิ่งจบปีนี้พอดี
เรียนจบวิศวะ?
โจม : วิศวะ ออกแบบรถยนต์ภาคอินเตอร์ของจุฬาฯ
พี่โจมค่อนข้างเกรงใจภรรยา?
โจม : อย่าเรียกว่าเกรงใจ เรียกกลัวเลยดีกว่า
กลัวลูกด้วย กลัวภรรยาด้วย?
โจม : เกรงใจและกลัว เนื่องจากอาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนที่พยายามควบคุมอารมณ์ ใจเย็นด้วย ถ้ามันเริ่มจะมีทะเลาะกันแล้ว พี่ก็จะพยายามหยุดดีกว่า ยอมเป็นฝ่ายแพ้ ไม่เถียง ลูกเถียงมาเราก็จะไม่เถียง เพราะว่าชนะไปก็ไม่มีประโยชน์ หลายคนก็เลยรู้สึกว่านั่นคือความกลัว
กลัวเมียขนาดไหน?
โจม : มันไม่มีแคสที่ต้องพูดอะไรเลย คือทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง ถ้าเขาทะเลาะมาก็เถียงกลับ แต่ก็ไม่มีแระโยชน์ วิธีที่ง่ายที่สุดคือยอม
ดูพี่โจมเป็นคนใจเย็นมาก แต่ใจเย็นแบบนี้ก็ผ่านอุบัติเหตุเยอะเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นที่เยอรมัน?
โจม : เหตุการณ์เฉียดตาย ถ้าพลาดก็ตาย สมัยก่อนวัยรุ่น ทางบริษัทส่งไปดูรถ คือมันมีอยู่ 3 ครั้ง ครั้งแรกไปดูโรงงานที่สวีเดน เขาใช้ให้ทดลองขับรถรุ่นใหม่ ตอนนั้นก็เป็น 960 เป็นรถเครื่อง 3 พัน 6 สูบ วิธีลองก็คือเขามีสนามในเขาเลย มีอยู่อันนึงคือจะลงเนินมาแล้วยูเทิร์นแบบหักศอกเลย เราก็ขับมา 180 คือเกิน 1.เนื่องจากขับรถพวงมาลัยซ้าย เวลาหักมันเยอะเกินไป แล้วก็เป็นขับเคลื่อนล้อหลัง ท้ายปัดด้วยความเร็วที่สูงมาก เราก็หักกลับปัดไปประมาณไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง จนเราเริ่มหลงทิศแล้ว สุดท้ายเนื่องจากเราไม่ตกใจด้วย หรืออาจจะมีการฝึกมาด้วย คือถ้าเป็นกรณีนี้อย่าเหยียบเบรก ผ่อนแล้วพยายามเลี้ยงรถ จนโค้งเข้าที่ก็ไปส่งรถ รอบต่อไปเป็นเพื่อน โค้งเดียวกันเลย หลุดต้องดามคอกลับบ้านอันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่2 ไปลองรถที่เยอรมัน ขับจากเยอรมันไปเบลเยี่ยม รถ 12 คัน เหยียบไม่จำกัดความเร็ว ผมอยู่คันที่ 8 เหยียบไป 200 คันแรกไปพอเจอทางแยก คนนำทางบอกซ้าย คันอื่นก็ซ้าย แต่พอคันที่ 4 ไปไม่ทันต้องเลี้ยวแล้ว ก็หยุด เราเกือบชนคันที่4 ก็มีโอกาสไม่รอด อีกครั้งในท้องถิ่นมีรถบ้านลาก เราต้องแซงรถบ้านคันนี้เพราะว่า 2 คัน เราคันที่ 8 แซงไม่ขึ้น เพราะทางมันสวน พอเราตัดสินใจแซงเจอโค้ง จะหลุดอีกแล้ว รถมีเทคโนโลยีลดความเร็วโดยอัตโนมัติ เราก็ไม่รู้พอเลี้ยงกลับก็เหยียบก็เหยียบไม่ขึ้น เพราะเทคโนโลยีเขาบอกว่าถ้าคุณสไลค์แบบนี้เครื่องตัดการทำงาน อันนั้นก็สวนมา เกือบไม่รอดเหมือนกัน แต่ทางนู่นช่วยรถความเร็ว เพราะเห็นว่าเราเร่งไม่ขึ้น
อ่านบทความและอื่น ๆ ( โจม ศุกล เผยเส้นทางสู่วงการบันเทิง จากเซลล์ขายรถสู่นักแสดงแถวหน้า - Ejan )https://ift.tt/3kIXgs1
ขายรถ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "โจม ศุกล เผยเส้นทางสู่วงการบันเทิง จากเซลล์ขายรถสู่นักแสดงแถวหน้า - Ejan"
Post a Comment