Search

ทำไมต้องสลับยาง ? - ข่าวในวงการรถยนต์ - Autospinn.com

ยางรถยนต์คือชิ้นส่วนที่มีความสำคัญมาก นอกเหนือจากการใช้ยางที่ได้คุณภาพแล้ว สิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม คือการสลับยาง


เพราะยางที่ผ่านการใช้งาน ก็ย่อมเกิดการสึกหรอของดอกยางเป็นเรื่องปกติ แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าการสึกหรอนั้น ไม่ได้เท่ากันทุกล้อ ดังนั้นการสลับยาง คือการสลับตำแหน่งกัน เพื่อทำให้ยางทั้ง 4เส้น สึกหรอเท่ากัน

โดยปกติแล้ว การสลับยาง ในคู่มือรถส่วนใหญ่จะระบุเอาไว้ว่าให้สลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราด้วย ดังนั้นเราควรหมั่นตรวจสอบยาง ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา

ทำไมต้องสลับยาง ?

  • เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และเพื่อนร่วมทาง เพราะยางที่สึกหรอไม่เท่ากัน อาจทำให้หน้ายางเสียรูปทรง มีผลทำให้พวงมาลัยดึง หรือสั่น เป็นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
  • ยางที่อยู่ทางฝั่งระบบขับเคลื่อนจะสึกหรอไวกว่า ดังนั้นการสลับยางจึงเป็นการเฉลี่ยความสึกหรอไปที่ยางเส้นอื่นๆ
  • เพื่อยืดระยะการใช้งาน และเพื่อให้ยางได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • เป็นการประหยัดเงินในระยะยาว เพราะถ้าไม่สลับยางเลย จะทำให้หน้ายางเรียบไม่เท่ากัน หน้ายางเสียรูปทรง จนไม่สามารถใช้งานได้ สุดท้ายต้องถอดทิ้งแล้วซื้อใหม่

สำหรับการสลับยาง ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ เพราะรถแต่ละประเภทมีวิธีการสลับยางที่แตกต่างกันไป ดูได้จากในรูปเลยครับ

วิธีสลับยางสำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหน้า

วิธีสลับยางสำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนล้อหลัง

วิธีสลับยางสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4ล้อ 4WD

วิธีสลับยางที่มีดอกยางแบบทิศทางเดียว


นอกเหนือจากการสลับยางแล้ว อย่าลืมตรวจสอบสภาพยางกันด้วยนะครับ ถ้าพบรอยแตกลายงา หรือยางกินข้างเยอะจนไม่สามารถใช้งานได้ ก็เปลี่ยนใหม่เถอะครับ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในรถและเพื่อนร่วมถนน

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car

Let's block ads! (Why?)

อ่านบทความและอื่น ๆ ( ทำไมต้องสลับยาง ? - ข่าวในวงการรถยนต์ - Autospinn.com )
https://ift.tt/3ifFnxI
รถยนต์

Bagikan Berita Ini

0 Response to "ทำไมต้องสลับยาง ? - ข่าวในวงการรถยนต์ - Autospinn.com"

Post a Comment

Powered by Blogger.